ที่สุด! ขบวนการเดียวกับการฮั้วเลือกตั้ง สว. ที่หวังจะ “ล็อบบี้ “ใครบางคน? ในคณะกรรรมการคดีพิเศษ (บอร์ดคดีพิเศษ) ก็ไปได้ต่อ แม้จะไม่สุดทาง! อย่างที่ตั้งใจ…

กล่าวคือ…เดิมที่เคยวาดฝันจะเห็นบอร์ดคดีพิเศษฯ ไม่รับเรื่องฮั้วเลือกตั้ง สว. ไว้เป็นคดีพิเศษ หรืออย่างน้อยก็เลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 1 เดือน

ล่าสุด การประชุมบอร์ดคดีพิเศษ ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานฯ มี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเลขานุการ และ คณะกรรมการที่เหลือ รวมทั้งหมดที่เข้าประชุม 19 คน จากทั้งหมด 22 คน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม

ได้ข้อสรุปในแบบ “สำเร็จ – คนละครึ่ง” ทั้งฝั่งของ ขบวนการฯข้างต้น และ คนชักใยอยู่เบื้องหลังในอีกฝั่งหนึ่ง…ใช่หรือไม่?

ปมที่ “บอร์ดคดีพิเศษ” ให้ไว้…สำหรับการเลื่อนลงมติไปเป็นวันที่ 6 มี.ค.2568 โดยให้เหตุผลว่า…จะต้องเชิญ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาชี้แจงด้วยนั้น

เข้าล็อกของอีกฝั่งหรือเปล่า? แม้จะลดจำนวนวัน จากเดิมที่หวังจะได้ 30 วัน เหลือแค่ 9 วัน นับจากวันที่ 26 ก.พ. – 6 มี.ค.2568 แต่แค่นี้…ก็ทำให้คนในขบวนการดังกล่าว มีโอกาสต่อลมหายใจเพื่อการต่อรองใดๆ ได้อีก…

อย่างน้อยก็มีเวลา 9 วันให้เดินเกมต่อรองในทางการเมือง กับสิ่งที่คุยกันค้างไว้และยังไม่สะเด็ดน้ำ!

อีกเหตุผล เป็นเพราะ…เป้าหมายจริง! ที่ “คนชักใยฯ” คาดหวังจะเห็นจากเกมนี้…ไม่ใช่การที่ สว.กลุ่มใหญ่เกือบ 140 คน จะต้องถูกสั่งให้เป็น “คนโมฆะ” หลุดพ้นจากความเป็น สว.

เพราะแม้ “บอร์ดคดีพิเศษ” จะรับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษ ถึงขั้นมีการตั้งเรื่องสอบสวนในชั้นของดีเอสไอ ก่อนชงเรื่องต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง และต่อให้ ปลายทางจะทำให้ สว.กลุ่มที่มีปัญหาเหล่านี้ กลายเป็น “คนโมฆะ”

แต่นั่น…ก็ต้องใช้เวลานานนับปี และที่สำคัญ มันไม่เป็นคุณต่อ “คนชักใยฯ” มากนัก

และนั่น…อาจไม่ทันต่อแผนงานตามเป้าหมาย ซึ่งอยู่ที่การแต่งตั้ง “กรรมการ” ในองค์กรอิสระ ที่หลายคน ในหลายองค์กร จะต้องครบวาระ…สิ้นสภาพกันไป

ทำการแต่งตั้งคนใหม่…มาแทนที่คนเก่า

กระบวนการแต่งตั้งกรรมการในองค์กรอิสระ…ทั้งหมดอยู่บนการตัดสินใจของ สว.ทั้งสิ้น!

เกมการต่อรองเพื่อเป้าหมายข้างต้น จึงเป็น “ทางออก” ที่ดีที่สุด สำหรับคนใน 2 ฟากฝั่ง แต่ไม่ใช่ประโยชน์สูงสุดของสังคมไทยแต่อย่างใด? ใช่หรือเปล่า???

กระนั้น ทั้ง “คนชักใยฯ” และ คนในขบวนการดังกล่าว ต่างก็ “ได้” และ “เสีย” กันไปคนละครึ่ง…

มีเวลาให้เจรจากันใหม่ เริ่มนับหนึ่ง…ในเย็นวันเดียวกัน (25) เพราะจะมี นัดหมาย “ดินเนอร์” ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่า…ล้วนเป็นต้นทางและเครือข่ายของทั้ง “คนชักใยฯ” และคนในขบวนการฯ ที่จะได้สบตาและหาเรื่องคุยกันไป ระหว่างทานมื้อเย็น

ลองฟังเหตุผลจากปากของ “ประธานบอร์ดคดีพิเศษ” อย่าง…นายภูมิธรรม ที่เปิดแถลงข่าวพร้อมกับ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา ถึงมูลเหตุที่ต้องเลื่อนลงมติไปเป็นวันที่ 6 มี.ค.2568  

“…ได้นำประเด็นการเลือกตั้ง สว. ที่ถูกตั้งคำถามมากจากสาธารณชน และมีผู้มาร้องกับดีเอสไอ เข้าสู่การพิจารณา ซึ่งที่ประชุมใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง ค่อนข้างมีความเห็นหลากหลาย ส่วนใหญ่เห็นว่าคดีนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีอาญา ฟอกเงิน และ อั่งยี่ ซ่องโจร มีการกระทำเข้าข่ายข้อกฎหมายที่กำหนดไว้”

นายภูมิธรรม ยอมรับว่า แม้ส่วนใหญ่ของบอร์ดคดีพิเศษจะเชื่อว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาฯ มีกฎหมายรองรับ และอยู่เกินอำนาจของ กตต. ทว่ายังมีข้อถกเถียงถึงความรอบคอบ คือ เรื่องคดีเลือกตั้งที่ กกต.ยังไม่ได้แจ้งชัดอย่างเป็นทางการ ที่ประชุมฯจึงให้ไปดำเนินการให้ครบถ้วน

อีกเรื่องคือ การนำเรื่องเข้าประชุมฯ โดยที่ยังไม่ได้ผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษ เนื่องจาก อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะ เลขานุการฯ เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงมีเสียงโต้แย้งว่า…เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ควรทำให้ถูกต้องและชัดเจน ดังนั้น เลขานุการฯ จึงมีมติถอนไปให้คณะอนุกรรมการของดีเอสไอ ดำเนินการให้ครบถ้วนตามขั้นตอน โดยขอเวลาประมาณ 1 สัปดาห์

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า…คดีนี้เอาตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง อยากทำให้ครบถ้วนให้กรรมการทุกท่านสบายใจ

นายภูมิธรรม ระบุว่า วันที่ 5 มี.ค.นี้ ประธาน กกต.จะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทาง บอร์ดคดีพิเศษจะขอคุยด้วย โดยในรุ่งขึ้นวันที่ 6 มี.ค. จะเชิญ คณะกรรมการคดีพิเศษ และเชิญ ประธาน กกต. หรือผู้แทนที่มีอำนาจ มาร่วมประชุมด้วย เชื่อว่าในวันดังกล่าวจะได้ข้อยุติ

โดยคดีอาญา คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่าไม่มีปัญหา ส่วนคดีเลือกตั้งนั้น กกต.จะทำหรือไม่ทำ ก็เป็นเรื่องของ กกต.

“ไม่มีเรื่องการเมือง แต่เป็นการทำตามอำนาจหน้าที่ หากไม่ทำ ดีเอสไอก็จะมีความผิด เพื่อให้เกิดความชัดเจน เมื่อมี ข้อสงสัยก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบแบบนั้น ไม่กดดัน ไม่ได้มุ่งแก้แค้นใคร ไม่ได้ชี้ว่าผิดอย่างไร การตัดสินอยู่ที่ศาล” ประธานบอร์ดคดีพิเศษ ระบุ

ถึงตรงนี้ ต้องยอมรับในความ “รอบด้าน – รอบจัด” ของ คนในขบวนการเดียวกับการฮั้วเลือกตั้ง สว. และคนที่อยู่เบื้องหลังคนกลุ่มนี้ พวกเขาสามารถจะลดแรงกดดันและยื้อเวลาออกไปได้…อย่างน้อยก็ได้ 9 วัน

ไม่ว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร? และแม้ นายภูมิธรรม จะอ้างว่า…เรื่องคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ไม่ใช่เรื่องการเมือง ทว่าทุกฝ่ายต่างเห็นตรงกัน นั่นคือ…ไม่มีใครอยากเลือกตั้งกันใหม่

แม้อำนาจ “ยุบสภาฯ” จะเป็นของ นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย กระนั้น ดูเหมือนว่า…“คนชักใยฯ” และคณะฯ ก็น่าจะเป็นกลุ่มก้อนที่ไม่พร้อมต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่มากที่สุด!

เพราะไม่รู้จะเอา…ส่วนดี หรือความสำเร็จมุมใด? ไปหาเสียง…

สู้ยื้อกันไปก่อน! สำหรับ “บอร์ดคดีพิเศษ” ว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ไว้เป็นคดีพิเศษ และระหว่างนี้…ใครจะเจรจาต้าอ่วยอะไร? กับใคร? ก็ทำกันซะในห้วงเวลาที่เหลือ 9 วันนับจากนี้ไป…