‘พ่อ – ลูก’ แยกกันเล่น! อย่างมีเชิง?

แยกกันเล่นคนละบทบาท…แต่สักวันอาจไหลกลับมาเชื่อมเป็นวงล้อเดียวกัน! ส่วนผลสัมฤทธิ์จะมากแค่ไหน? มีประสิทธิภาพต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมและการเมืองไทยอย่างไร? อีกไม่นานคงได้รู้กัน!!!

“สทร.” คำจำกัดความถึงบทบาทของ “คนเป็นพ่อ” อย่าง…นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่บริหารประเทศครบ 4 ปีในสมัยแรก (2544 – 2548) ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ และสร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์เอาไว้มากมาย จัดเป็นผู้มากประสบการณ์ ทั้งในเวทีการเมืองในและนอกประเทศ รวมถึงเวทีเศรษฐกิจและการทำหน้าที่ “ล็อบบี้ชั้นเซียน”  

ทว่าบทบาท “สทร.” ที่จะพึงมีต่อ “ลูกสาว” คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะ…นายกรัฐมนตรี …หัวหน้ารัฐบาล …ผู้นำประเทศ ย่อมมาจากความรู้สึกลึกๆ คือ “หวังดี” และอยากเห็น “ลูกสาว” ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นับจากนี้ไป และได้ไปต่อในทางการเมือง…

ความสำเร็จของ “ลูกสาว” จะสะท้อนความสำเร็จของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ส่วนอานิสงฆ์จะก่อประโยชน์ทั้งทางตรงและอ้อมต่อประเทศไทยและประชาชนคนไทยหรือไม่? แค่ไหน? อย่างไร? ยังเป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบในอีก 2 ปีเศษข้างหน้า…

บทบาทของ นายทักษิณ “ในประเทศ” ก็อย่างที่เห็นกัน…ช่วยคิดนโยบายดีๆ เดินสายช่วยผู้สมัคร “นายก อบจ.” หาเสียงเลือกตั้งในหลายจังหวัด หลายพื้นที่

รอบนี้…เขาจะไม่ทิ้งขว้างการเมืองท้องถิ่น เหมือนเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แต่ใช้การเมืองท้องถิ่นเชื่อมโยงการเมืองใหญ่ หลังจากสูญเสียที่ตั้งและคะแนนเสียงทางการเมืองในหลายพื้นที่…หลายจังหวัด

“นอกประเทศ” ที่มีข้อจำกัด “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ” เนื่องเพราะ นายทักษิณ ยังมีคดีความคั่งค้าง “หมิ่นเบื้องสูง” ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112

กระนั้น ด้วยความเป็น “นักการเมืองเบอร์ใหญ่” ของภูมิภาคอาเซียน ทำให้เขาได้รับเชิญให้ทำหน้าที่เป็น “ที่ปรึกษาส่วนตัว” ให้กับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะ “ประธานอาเซียน” ในปี 2568 นี้ และยังทำให้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ต้องเดินทางมาพบเขาบนเรือยอร์ช กลางทะเลสตูลทางภาคใต้ของไทย

ความพยายามที่ นายทักษิณ ต้องการจะยื่นขออนุญาตเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ สำเร็จสมประสงค์ หลังจากวานนี้ (31 มกราคม 2568) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้มีคำไต่สวน ก่อนจะอนุญาตให้ นายทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อเข้าร่วมประชุมกับคณะของ นายอันวาร์ อิบราฮิม ที่ประเทศมาเลเซีย

ด้วยวงเงินหลักประกัน 5 ล้านบาท

การได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เป็นครั้งแรก หลังจากตัวเขาเดินทางกลับมารับโทษในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 หลายคนมองว่า… มันคือการติดปีกให้เสือร้าย!

แต่บางส่วนกลับเห็นต่าง…หากใช้ประโยชน์จาก “เสื้อร้ายติดปีก” ผู้นี้ได้ ก็น่าจะเป็นโยชน์ต่อภาพรวม

สรุป! 2-3 กุมภาพันธ์นี้ นายทักษิณ จะบินลัดฟ้าเข้าประเทศมาเลเซีย เพื่อทำหน้าที่ “ที่ปรึกษาส่วนตัว” ของประธานอาเซียนคนใหม่ ที่ชื่อ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี

บทบาทของเขา…ในสถานะข้างต้น ย่อมจะส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งต่อประเทศไทย รัฐบาลไทย นายกฯแพทองธาร พรรคเพื่อไทย และคนไทย หรือไม่? แค่ไหน? และอย่างไร?

อีกด้านหนึ่ง นายกฯแพทองธาร เอง ก็มีแผนจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เพื่อเข้าพบและหารือกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กลางกรุงปักกิ่ง หลังจาก “คนเป็นพ่อ” เสร็จสิ้นภารกิจการประชุมร่วมกับ “ประธานอาเซียนคนใหม่” แล้ว 3 วัน

“โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ระบุว่า…การพบกันของผู้นำไทยและจีนครั้งนี้ นับเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีต่อกันนานถึงครึ่งศตวรรษ (50 ปี) เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ และสังคมของทั้ง 2 ประเทศ  

2 เหตุการณ์นี้ ทั้งเรื่องที่ นายทักษิณ จะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย และ นายกฯแพทองธาร จะไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ถูกมองว่า…อาจเชื่อมโยงกับการที่ นายหลิว จงอี้ รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน เดินทางมายังประเทศไทย พร้อมคณะรวมเกือบ 20 ชีวิต

เป็นการเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเป้าหมายสำคัญ นั่นคือ การชี้เป้าไปยังขบวนการหนุนหลังแก๊งจีนเทาและดำ ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งเรื่อง…แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งแสกรมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ในฝั่งเมียนมา ตลอดแนวชายแดนไทย

นั่นเพราะ…มีคนไทยในหลายหน่วยงาน ทั้งความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ไม่ว่าจะเป็น…ตำรวจในพื้นที่ ทหาร ตม. ศุลกากร ข้าราชการและนักการเมืองในท้องที่ ล้วนเกี่ยวพันและมีผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมายในเมียนมา

และ ตัวแทนรัฐบาลจีนคนนี้ ยังได้ชี้เป้าบรรดา “มาเฟียจีน” ระดับหัวหน้าก๊วนมากถึง 36 คน ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายในเมืองเมียวดี เมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก

หัวหน้าแก๊งจีนเทา/ดำเหล่านี้ บางส่วนอยู่ในเมืองจีน บางส่วนอยู่ในเมืองเมียวดี เมียนมา และก็มีพวกที่อยู่ในประเทศไทย ด้วย

แต่ในประเทศไทย กลับไม่มีการดำเนินอะไร? แต่อย่างใด? ก็ไม่แปลก หาก นายหลิว จงอี้ จะเชือดนิ่มๆ ไปถึงผู้รับผิดชอบในประเทศไทย ทำนอง…“ทำไมท่านไม่ดูแลบ้านเมืองของท่านบ้างเลย!!??”

คนระดับ…นายทักษิณ และนายกฯแพทองธาร รวมถึง “บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงอีกหลายคนใน ครม.ชุดนี้ และหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย จะรู้สึกรู้สาอะไร? หรือไม่? อย่างไร?

แต่ขอให้รู้เอาไว้…คนไทย ทั้งเจ็บและอาย แทบแทรกแผ่นดินหนี!!!

ก็ถ้าหาก “พ่อ – ลูก” จะแยกกันเล่นคนละบทบาท ต่างปฏิบัติภารกิจในช่วง 4-5 วันข้างหน้านี้ เพื่อหลอมรวมในการแก้ไขปัญหาของชาติในทุกมิติ ไม่เฉพาะ…เรื่องแก๊งค้ามนุษย์ แก๊งแสกรมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ล่ะก็

เส้นทางและอนาคตการเมืองของทั้ง นายกฯแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ก็น่าจะสดใสมากกว่าที่เป็นอยู่! และภาพลักษณ์ “นักโทษเทวดา” ของ นายทักษิณ ก็น่าจะค่อยๆ จางหายกันไป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password