สส.แพ้! กมธ.ประชามติ ฝั่ง สว. โหวตชนะ ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น แก้รธน.
สส. แพ้โหวต ‘กมธ.ร่วม พ.ร.บ.ประชามติ’ สว. 13 เสียงผนึกลงมติหนุนหลักเสียงข้างมาก 2 ชั้น ส่งกลับเข้าที่ประชุมใหญ่พิจารณาต่อ ส่อแตกหักยื้ออีก 180 วัน
วันที่ 20 พ.ย. 2567 ที่รัฐสภา นายกฤช เอื้อวงศ์ สว. พร้อมด้วย นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แถลงผลการประชุมครั้งที่ 3 เพื่อหาข้อยุติในมาตรา 7 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปี 2564 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภาเห็นแย้งกัน โดยวุฒิสภาเสนอให้แก้ไขเป็นหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น นำมาสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อหาข้อยุติดังกล่าว
โดยนายกฤช ระบุว่า วันนี้น่าจะเป็นการประชุมก่อนครั้งสุดท้าย โดยผลลงมติเสียงส่วนใหญ่ให้คงไว้ตามที่วุฒิสภาแก้ไข 13 เสียง และ 9 เสียง ลงมติให้แก้ไขเพิ่มเติมตามที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ และงดออกเสียง 3 คน จากองค์ประชุมทั้งหมด 25 คน
หลังจากนี้ จะนำร่างกฎหมายกลับเข้าสู่แต่ละสภาเพื่อพิจารณาความเห็น หากสภาใดไม่เห็นชอบ สามารถลงมติยับยั้งร่างกฎหมายและเสนอกลับเข้ามาใหม่ ทั้งนี้ เชื่อว่า สส. คงไม่เห็นด้วยการแก้ไขของ สว. โดยต้องพักร่างกฎหมายดังกล่าวไว้ 180 วัน แล้วจึงจะเสนอเข้ามาใหม่ได้
นายกฤช กล่าวต่อว่า การประชุมคณะกรรมาธิการครั้งต่อไป คือวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 เพื่อรับรองรายงานการประชุม จากนั้นวันที่ 6 ธันวาคม จะยื่นร่างกฎหมายเข้าสู่แต่ละสภา โดยหลังจากเปิดสมัยประชุมแล้ว คาดว่าวันที่ 16 ธันวาคม จะเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา และวันที่ 18 ธันวาคม จะเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับกรรมาธิการที่งดออกเสียง 3 คน ประกอบด้วย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ และกรรมาธิการในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 2 คน คือ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค และ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย
ด้านนายวุฒิชาติ กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตัวท่านเอง และประโยชน์จะตกเป็นของประชาชนโดยตรง
ขณะที่ นายพิศิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ส่วนการเชิญตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มาชี้แจงต่อกรรมาธิการถึงความพร้อมการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์นั้น ตัวแทนทางไปรษณีย์ยืนยันว่า มีความพร้อมการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์ว่าสามารถทำได้
โดยวิธีการจะให้ประชาชนมายืนยันตัวแทนที่ไปรษณีย์ในเขตนั้นๆ จากนั้นก็จะมีการลงมติที่ไปรษณีย์ ดูแล้วเป็นช่องทางที่สามารถป้องกันการลงคะแนนแทนกันได้ เพราะต้องใช้บัตรประชาชนมายืนยันตัวตนที่ไปรษณีย์ก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายการทำประชามติผ่านไปรษณีย์ทราบว่า อยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ดูแล้วไม่ได้ถูก แต่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาทำงานต่างภูมิลำเนา ไม่ต้องเดินทางกลับไปลงคะแนนที่ภูมิลำเนาของตัวเอง ขณะที่ตัวแทน กกต.ระบุว่า ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะมีการทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์หรือไม่ แค่บอกว่าจะรับไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าจะดำเนินการหรือไม่.