‘ภูมิธรรม’ ลงพื้นที่ให้กำลังใจทหาร ย้ำ! เกาะกูดเป็นของไทย วอนหยุดสร้างความสับสน หาผลประโยชน์การเมือง

รมว.กลาโหม นำคณะ ลงพื้นที่ มอบสิ่งของให้กำลังใจหน่วยปฏิบัติของกองทัพเรือ (นปก.) ยืนยันพื้นที่ของเกาะกูดเป็นของไทย กำชับให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ก่อนโพสต์ลงเฟซบุ๊ก วอนทุกฝ่ายหยุดสร้างความสับสน หวังผลประโยชน์การเมือง ทำลายผลประโยชน์ชาติ

วันที่ 9 พ.ย.2567 ที่เกาะกูด จังหวัดตราด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางไปเข้าตรวจเยี่ยม หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด เพื่อบำรุงขวัญ และตรวจการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลกองทัพเรือ ที่ปฏิบัติงานบนเกาะกูด โดยมี พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้ง เรียนเชิญรมว.กลาโหม ขึ้นแท่นรับความเคารพ และเข้ารับฟังการบรรยายสรุปและตรวจพื้นที่ รวมถึงทักทายกำลังพลและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ

โดยนายภูมิธรรม ได้ให้โอวาทกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และยืนยันพร้อมสนับสนุนในส่วนที่มีความขาดแคลน เพื่อให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ ได้อย่างเต็มขีดความสามารถ ยืนยันว่า เกาะกูดเป็นของไทยแต่ขณะนี้เนื่องจากมีการเตรียมที่จะเจรจาตามกรอบของ MOU 44 จึงอาจจะทำให เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนขึ้นในสังคม แต่ขอย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไป

ที่ผ่านมา กองทัพเรือ ได้จัดกำลัง ดูแลอธิปไตยของชาติทางทะเล ด้านตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เกาะกูด มาตั้งแต่อดีต และเมื่อไทยประกาศไหล่ไหล่ทวีป เมื่อปี พ.ศ. 2516 กองทัพเรือ ก็ได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ปรากฎปัญหาในพื่นที่ ส่งผลให้ประชาชน ดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างปกติสุข

สำหรับหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) เป็นหน่วยเฉพาะกิจของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ที่ขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีที่ตั้งหน่วยบนเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด โดยกองทัพเรือจัดตั้งหน่วยตรวจการณ์พิเศษที่ 1 บนเกาะกูด เมื่อปีพุทธศักราช 2521 ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2529 กองทัพเรือ ได้อนุมัติเปลี่ยนชื่อจากหน่วยตรวจการณ์พิเศษที่ 1 เป็นหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด จนถึงปัจจุบัน และในปีพุทธศักราช 2534 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อนุมัติให้ กรมรักษาฝั่งที่ 1 เป็นหน่วยรับผิดชอบในการจัดกำลัง

โดยภารกิจหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ได้แก่ การป้องกันการคุกคามทางทะเล และทางอากาศ คุ้มครองเรือประมงไทย สนับสนุนการปฏิบัติการของเรือและกำลังทางบก คุ้มครองเรือประมงไทย สนับสนุนการปฏิบัติการของเรือ รวมทั้งปฏิบัติการจิตวิทยา และประชาสัมพันธ์กับส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่

ในเวลาต่อมา นายภูมิธรรม ได้โพสต์ข้อความหัวข้อ “ผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน เมื่อการเมืองบิดเบือน MOU 44″ ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Phumtham Wechayachai” โดยระบุว่า…

การจุดประเด็นทางการเมืองเรื่อง MOU 44 ในช่วงนี้ ได้สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในหลายมิติ ทั้งการทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ การเจรจาระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะกูด จังหวัดตราด รวมทั้ง การบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่จำเป็น

บันทึกความเข้าใจ MOU 44 คือบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน  ซึ่งได้มีการเจรจาต่อเนื่องมาทุกรัฐบาล รวมถึงในสมัยที่พรรค พปชร. ซึ่งผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและเป็นหัวหน้าคณะเจรจา

การหยิบยกประเด็นนี้มาเสนอ ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยหวังผลประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว เพื่อมุ่งทำลายรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศ การที่จะมาประกาศตัวเองว่ารักชาติ แต่กลับจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อล้มโต๊ะการเจรจาที่ดำเนินต่อเนื่องมาทุกรัฐบาล รวมทั้ง กระบวนการเจรจาที่ตนเองเคยมีส่วนร่วม ถามว่าคุณรักชาติจริงหรือ?

นายภูมิธรรม ระบุด้วยว่า… “ทั้งนี้ การเจรจาระหว่างประเทศในประเด็นเขตแดนและผลประโยชน์ร่วม จำเป็นต้องอาศัยบรรยากาศที่เอื้ออำนวย ข้อมูลทางวิชาการ และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างคู่เจรจา การสร้างความขัดแย้งหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จึงเป็นการบ่อนทำลายกระบวนการเจรจาโดยตรง

ผมได้รับฟังข้อมูล และ คำแนะนำจาก ผู้รู้จริง และนักวิชาการ หลายท่าน เกี่ยวกับ MOU 44  ซึ่งมีคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับพรรคการเมือง หรือ ผู้ที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาล ว่าหากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจา ควรนำเสนอผ่านช่องทางที่เหมาะสม เช่น ส่งให้คณะกรรมการเจรจาโดยตรง ไม่ใช่สร้างความสับสนผ่านสื่อสาธารณะ

แต่ก่อนที่โต๊ะเจรจาระหว่างประเทศจะเกิดขึ้น วันนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีของการจุดประเด็นเรื่องนี้ คือ ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะกูด ซึ่งจากรายงานข่าวของสื่อต่าง ๆ มีข้อมูลที่ตรงกันว่าช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะกูดที่มีความคึกคักอย่างมาก แต่เมื่อมีกระแสข่าวดังกล่าว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยยกเลิกการจองห้องพัก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย

รองนายกฯภูมิธรรม กล่าวอีกว่า วันนี้…ผมได้มาที่เกาะกูด เพื่อมาดูสถานที่จริงและมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร และฝ่ายราชการและผู้นำท้องถิ่น ผมขอให้ความมั่นใจว่า วันนี้เกาะกูด จ.ตราด ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามและน่าประทับใจสำหรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ด้วยหาดทรายและน้ำทะเลใสสีมรกต จนได้ชื่อว่าเป็น “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” นอกจากความงดงามของธรรมชาติแล้ว เกาะกูดยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกคลองเจ้า ที่มีพระปรมาภิไธยของรัชกาลที่ 6 สลักไว้บนก้อนหิน เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

แม้จะมีข่าวสารที่อาจทำให้บางท่านเกิดความกังวล แต่ผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งหน่วยงานของภาครัฐ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้การท่องเที่ยวในเกาะกูดของทุกท่านมีความปลอดภัยและได้รับพลังบวกกลับไปอย่างแน่นอน

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า…ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสร้างความสับสน และหันมาร่วมกัน สร้างความมั่นใจให้กับประเทศ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะกูดด้วยกัน โดยยืนยันว่าเกาะกูดยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและปลอดภัย ของประเทศไทยและมีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ การสร้างความขัดแย้งจากข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงครั้งนี้ เป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการเมืองที่ขาดความรับผิดชอบ สามารถสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ผมคิดว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองวันนี้ ทุกฝ่ายควรใช้ เหตุผลและหันมาร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ  มากกว่าการมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียว.

.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password