“ทักษิณ ชินวัตร” มาเอง! รับฟังขั้นตอนการตรวจพยานในคดี 112  ด้าน ทนายความระบุ ฝ่ายโจทก์เตรียมนำพยานขึ้นสืบ 3 นัด ส่วนฝ่ายจำเลยจะนำพยานขึ้นสืบ 4 นัด เริ่มสืบพยานอีกครั้ง เดือน ก.ค. ปี 2568

เมื่อเวลา 9.00 น. ของวันนี้ (19 สิงหาคม 2567) ณ ศาลอาญา ถ.รัชดา,  อดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” จำเลยความผิดมาตรา 112 เดินทางมารับฟังขั้นตอนการตรวจพยานหลักฐานในคดีตามข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูง และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อที่เกาหลีใต้ เหตุเกิดเมื่อปี 2558 ทั้งนี้ เขาได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงประเด็นความมั่นใจในในการต่อสู้คดี 112 สรุปว่า ตนไม่กังวลใจและไม่มีปัญหา จากนั้นได้เดินเข้าไปในศาลอาญาทันที โดยมีทีมทนายความเดินตาม

สำหรับคดีนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยต่อศาล โดยหลังยื่นฟ้องศาล อดีตนายกฯทักษิณ ได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยศาลได้ตีราคาประกัน 5 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผลที่ อดีตนายกฯทักษิณ ต้องเดินทางมาศาลอาญาด้วยตัวเอง แทนที่จะมอบหมายให้ทีมทนายความมาทำหน้าที่แทนเหมือนก่อนหน้านี้ นั่นเพราะในคดีความผิดมาตรา 112 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี จำเลยจึงไม่สามารถร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังได้ จึงต้องมาศาลด้วยตัวเอง โดยศาลจะดำเนินการถามทั้งสองฝ่าย (โจทก์และจำเลย) ว่ามีพยานกี่ปากเพื่อกำหนดวันสืบพยาน และหากพยานซ้ำซ้อนศาลจะมีคำสั่งให้ตัดออกทันที เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีไวมากขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ศาลได้ตรวจพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยใช้เวลาตรวจหลักฐานราว 3 ชั่วโมง จากนั้น อดีตนายกฯทักษิณที่มีสีหน้ายิ้มแย้มได้เดินทางออกไปจากศาลขึ้นรถออกไปทันที โดยไม่ได้หยุดพูดคุย หรือให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ แต่อย่างใด

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ แถลงว่า ศาลได้สอบคำให้การจำเลย โดยที่ นายทักษิณให้การปฏิเสธ ขณะที่ ฝ่ายโจทย์ อ้างพยานนำสืบจำนวน 10 ปาก โดยเป็นพยานที่มีการสอบสวนไว้แล้ว แต่พยานที่สอบสวนเพิ่มเติมฝ่ายโจทก์ไม่อ้างถึง ดังนั้น ฝ่ายจำเลยจึงใช้สิทธิในการอ้างพยานจากฝ่ายโจทก์ดังกล่าวมาเป็นพยานฝ่ายจำเลย ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายจำเลย อีกทั้งฝ่ายจำเลยยังมีพยานอีกหลายปาก ทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์ แผ่นซีดี และเครื่องคอมพิวเตอร์

“การตรวจพยานวันนี้ยังได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ว่าข้อมูลที่ฝ่ายโจทก์อ้างถึง ล้วนดึงมาจากระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เป็นหลักฐานที่มาจากสถานที่เกิดเหตุจริง” นายวิญญัติ กล่าวและว่า…ในส่วนพยานที่ฝ่ายโจทย์จะนำขึ้นสืบในชั้นศาลมีจำนวน 10 ปาก ขณะที่ ฝ่ายจำเลยมี 14 ปาก ซึ่งศาลจะเริ่มสืบพยานโจทย์นัดแรกในวันที่ 1, 2 และ 3 กรกฎาคม 2568 ส่วนฝ่ายจำเลยจะเริ่มสืบในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 กรกฎาคม ปีหน้าเช่นกัน รวมทั้งหมด 7 นัด จากนั้นศาลจะทำคำพิพากษาในขั้นตอนต่อไป.