DSI ปูพรมตรวจค้นบริษัท ‘นอมินีต่างด้าว’ พื้นที่ภูเก็ต

DSI สนธิกำลังกับ 7 หน่วยงาน เข้าตรวจค้นบริษัทบัญชีและที่ปรึกษากฎหมาย “ภูเก็ตเบส แอคเค้าน์ติ้ง” รับจัดตั้งบริษัทเป็น “นอมินี” ให้ต่างด้าว พร้อมสั่งเพิกถอนใบอนุญาต 5 บริษัทนำเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

วันนี้ (6 มิถุนายน 2567) พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง พร้อมด้วย นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้ คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ภายใต้การนำของ พล.ต.ท. สุรพงษ์ ถนอมจิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์

โดยทั้งหมดได้นำหมายค้นของ ศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าทำการตรวจค้น บริษัท ภูเก็ตเบส แอคเค้าน์ติ้ง จำกัด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกะทู้ และเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 เป้าหมายซึ่งทางการสืบสวนสอบสวนมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า บริษัทดังกล่าวซึ่งประกอบธุรกิจรับทำบัญชีและเป็นที่ปรึกษากฎหมาย มีพฤติการณ์รับจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้แก่ชาวต่างชาติ ในลักษณะที่อาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยจำนวนมาก

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีความมั่นคง ได้รับไว้ทำการสอบสวนเป็น คดีพิเศษที่ 49/2566 จากการตรวจค้นได้ทำการตรวจยึดเอกสาร อุปกรณ์สื่อสาร ที่มีข้อมูลเชื่อมโยงเส้นทางการเงินของชาวต่างชาติซึ่งจะได้นำไปขยายผลถึงนายทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจอำพรางการฟอกเงินต่อไป

หลังจากนั้น หน่วยงานพันธมิตรข้างต้น เดินทางร่วมตรวจสอบขยายผลจากการที่ บริษัทจัดทำบัญชีข้างต้นรับจดจัดตั้งบริษัทให้ชาวต่างชาติเพื่อประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยการอำพราง อีกจำนวน 7 เป้าหมาย ผลการตรวจสอบพบว่า มีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 เจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว จึงมีคำสั่งเพิกถอนใบประกอบธุรกิจนำเที่ยวในวันนี้จำนวน 5 บริษัท และจะพิจารณาขยายผลมีคำสั่งเพิกถอนใบประกอบธุรกิจนำเที่ยวเพิ่มเติมจากเครือข่ายนี้อีกกว่า 10 บริษัทต่อไป

ในการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ตัดตอนผู้กระทำความผิดในชั้นผู้สั่งการในพื้นที่ (เฟสสอง) ซึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีความมั่นคง มีข้อมูลของกลุ่มเครือข่ายบริษัทที่ปรึกษากฎหมายหรือบริษัทรับทำบัญชีทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเมืองพัทยาและจังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการให้ถึงตัวนายทุนชาวต่างชาติที่นำเงินเข้ามาโดยผิดกฎหหมายเพื่อมาทำการฟอกเงินโดยการใช้ธุรกิจอำพรางประเภทนี้ ต่อไป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password