‘สรรพากร-ปอศ’ ทลายแก๊งใบกำกับภาษีปลอม – เผย! ตัวการระดับบิ๊ก เสียหายจริงเกิน 100 ล.เยอะมาก

กรมสรรพากร ร่วมกับ บก. ปอศ. ทลายบริษัทขายใบกำกับภาษีปลอมมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท เผย! ทำกันเป็นขบวนการ เฉพาะที่จับได้และเตรียมขยายผลล้วนเป็นคนระดับบิ๊ก ชี้! มูลค่าเสียหายจริงมีมากกว่านี้เยอะมาก ด้านอธิบดีกรมสรรพากรแนะผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ลดปัญหาถูกปลอมใบกำกับภาษี

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กรมสรรพากร, ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมด้วย พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ชูชัยเจริญ ผบก.2 บก.ปอศ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี) แถลงข่าวการเข้าตรวจค้นสถานที่ออกใบกำกับภาษีปลอม จำนวน 5 แห่ง

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา กรมสรรพากร ร่วมกับก.บก.ปอศ. ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ออกใบกำกับภาษีปลอม จำนวน 5 แห่ง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น ได้ยึดเอกสารใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย และได้จับกุมผู้กระทำความผิดได้ ณ สถานที่ตรวจค้นในความผิดฐาน “ร่วมกันมีเจตนาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก”    อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับพฤติการณ์สืบเนื่องมาจากการสืบสวนสอบสวนของกรมสรรพากรพบว่ามีการนำใบกำกับภาษีของผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่นมาทำการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ใช่ผู้ขายสินค้าตัวจริง กรมสรรพากรจึงได้ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริง กระทั่งพบสถานที่ที่ใช้ออกใบกำกับภาษีดังกล่าว และในส่วนของ บก. ปอศ. ได้ดำเนินการล่อซื้อใบกำกับภาษีจากผู้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่ได้มีการซื้อขายสินค้ากันจริง ซึ่งจากการตรวจค้นทั้ง 5 แห่ง พบใบกำกับภาษีจำนวนมาก  มีมูลค่าความเสียหายกว่าร้อยล้านบาท

สำหรับ ผู้ประกอบการทั้งที่เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีและผู้ใช้ใบกำกับภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมิได้มีการประกอบกิจการจริง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา 86/13 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร มีโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยโทษทางแพ่ง ต้องรับผิดเบี้ยปรับ 2 เท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีพร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของจำนวนเงินภาษี และโทษทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท

“การกระทำดังกล่าว เป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ที่ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายกันจริง ในส่วนของผู้ออกต้องรับผิดทางแพ่งแล้ว ยังมีโทษทางอาญาด้วยในฐานความผิด โดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกใบกำกับภาษี ไม่มีสิทธิที่จะออก ส่วนผู้ที่นำใบกำกับภาษีไปใช้ ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามไม่มีสิทธินำมาใช้เป็นเครดิตต้องรับผิดทางแพ่ง และมีโทษทางอาญาในฐานความผิดใช้ใบกำกับภาษีปลอมโดยเจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี มีโทษต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท” อธิบดีกรมสรรพากร ระบุ        

ด้าน พล.ต.ต.โสภณ  เปิดเผยว่า เนื่องจากว่า บก.ปอศ. ได้รับคำร้องเรียนจากพลเมืองดี ว่ามีบุคคลหรือนิติบุคคลกระทำความผิดเกี่ยวกับการออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิออก โดยออกใบกำกับภาษีให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ความเสียหายกว่าร้อยล้านบาท โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการเกิดขึ้นจริง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ปอศ. จึงได้ทำการสืบสวน โดยให้สายลับเจรจาล่อซื้อใบกำกับภาษี จากกลุ่มบุคคลดังกล่าว จำนวน 5 ครั้ง โดยมีการออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิที่จะออกจำนวน 30 ใบ

ต่อมาได้ไปตรวจสอบสถานประกอบการ ซึ่งจดทะเบียนเป็นสำนักงานนิติบุคคล พบว่า ไม่มีลักษณะเป็นสถานประกอบการแต่อย่างใด แท้จริงแล้ว ได้เปิดกิจการเพื่อขายใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชน จึงได้รีบดำเนินการโดยเร่งรัด

ส่วน พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ชูชัยเจริญ กล่าวเสริมว่า เบื้องต้น เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวมีการทำกันเป็นขบวบการ และทาง บก. ปอศ. จะดำเนินการสืบหาข้อมูลเชิงลึก พร้อมขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จประมาณเดือนเศษ ส่วนมูลกว่า 100 ล้านบาทเป็นเพียงประมาณเบื้องต้น เชื่อว่าความเสียหานที่เกิดน่าจะมากกว่านี้เยอะ ทั้งนี้ ผู้เกี่ยวข้องที่จับได้และที่เตรียมจะขยายผลถือว่าเป็นตัวการใหญ่ทั้งสิ้น

ขณะที่ อธิบดีกรมสรรพากร ยังกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ใช้ใบกำกับภาษีต้องซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบกิจการซึ่งมีตัวตนจริง และเป็นผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีเท่านั้น กรมสรรพากรขอแนะนำให้ผู้ประกอบกิจการเข้าสู่ระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกปลอมแปลงใบกำกับภาษี ลดความซ้ำซ้อนและลดปัญหาการจัดการเอกสารที่อยู่ในรูปของกระดาษ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร เพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ตามมาตรฐานสากลต่อไป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password