อดีต ส.ส.มุกดาหาร พท. ฟ้อง ‘ลูกท๊อป + บิ๊ก’ทส.’ ปมปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
“อนุรักษ์”อดีต ส.ส.มุกดาหารเพื่อไทย ควงทนายฟ้อง “ศักดิ์ดา” อดีตอธ.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล, จตุพร ปลัดฯทส. และ “ลูกท็อป” สราวุธ รมว. ทส.ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบทำรายงานเท็จ ไม่ตรวสอบรายงาน คดีเรียกรับเงินโครงการขุดบ่อน้ำบาดาล จนถูกศาลฎีกานักการเมือง ตัดสินจำคุก ตัดสิทธิการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ณ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ, นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส. จังหวัดมุกดาหาร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความฯ ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและร่วมกันจัดทำรายงานอันเป็นเท็จ เป็นเหตุให้ นายอนุรักษ์ โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกกล่าวหาใส่ร้าย และถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต
นายอนุรักษ์ ระบุว่า คดีนี้ไม่ใช่การยื่นฟ้องเพราะไม่ยอมรับผลคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ตัดสินจำคุกตน 6 ปี เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ฐานเรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดา แต่ที่ตนมายื่นฟ้องครั้งนี้ เพราะในคำพิพากษาปรากฎข้อเท็จจริง 2 ข้อ ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้ายกล่าวหาให้ตนได้รับความเสียหาย
ประเด็นแรก คือ การที่นายศักดิ์ดาบอกว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่เคยทำงบประมาณต่ำกว่า 5 แสนบาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกรณีพิพาททั้งหมดมาจากโครงการงบประมาณต่ำกว่า 5 แสนบาททั้งสิ้น
ส่วน ประเด็นที่ 2 คือการที่นายศักดิ์ดาทำรายงานว่า นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ก็ถูกเรียกรับเงินจากตนด้วย โดยนายภาดลได้มาเบิกความต่อศาลว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่เคยถูกตนเรียกรับเงิน ดังนั้นการที่นายศักดิ์ดาเขียนรายงานเท็จ ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าตนเรียกรับเงินจากคนหลายคน ทำให้ตนเองเสียหาย ถูกดำเนินคดีจริยธรรม จนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ส่วนคดีอาญาก็ทำให้ตนถูกตัดสินจำคุก
ดังนั้น เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่าประเด็นใดไม่เป็นความจริง ตนเองจึงต้องการฟ้องกลับกับนายศักดิ์ดา ส่วนนายจตุพร ปลัดทส.และนายวราวุธ รมว.ทส.ที่ถูกฟ้องด้วย เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจลงนามในเอกสารที่นายศักดิ์ดาเสนอรายงานขึ้นมา โดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือเรียกนายภาดลมาสอบถามว่าถูกเรียกรับเงินจากตนด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ สำหรับ คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้ตนจะถูกพิพากษาจำคุก แต่คดียังไม่สิ้นสุด โดยขณะนี้ตนอยู่ระหว่างเตรียมยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาล โดยหลังจากนี้ ในวันที่ 12 มิ.ย. ตนจะลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างบ่อน้ำบาดาล 6 จุดในจ.มุกดาหาร ว่าถูกต้องตามแบบหรือไม่ หลังจากนายภาดลได้ส่งมอบแบบแปลนการก่อสร้างมาให้ตนแล้ว หากก่อสร้างไม่ตรงแบบ ก็จะถือว่ามีความผิด
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ รับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อนัดฟังคำสั่งต่อไป.