“กรมคุ้มครองสิทธิ” แจง “ชายปีนต้นไม้” ทวงค่าคุ้มครองพยาน ยัน “จ่ายครบ-คดีจบแล้ว”

กรมคุ้มครองสิทธิฯ ชี้แจงกรณี “ชายปีนต้นไม้” ข้างทำเนียบรัฐบาล ทวงค่าคุ้มครองพยาน ยืนยัน “คดีตลาดนัดซันเดย์” ได้จ่ายค่าดำเนินการต่างๆครบถ้วนแล้ว และ ได้บกเลิกการคุ้มครองไปตั้งแต่ปี 2555 แล้ว

ตามที่ปรากฎเป็นข่าว เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล มีชายวัยกลางคนปีนต้นไม้ ตะโกนเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เยียวยาจ่ายเงินค่าคุ้มครองพยาน จากคดีตลาดนัดซันเดย์ ตั้งแต่ปี 2548 นั้น

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ขอชี้แจงว่า เมื่อปี พ.ศ. 2548 ชายคนดังกล่าว ได้ยื่นคำร้องขอรับการคุ้มครองพยานในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 โดยอ้างว่าถูกข่มขู่คุกคามจากกลุ่มบุคคล จากเหตุที่ตนได้ให้ข้อเท็จจริงกับจเรตำรวจเกี่ยวกับคดีตลาดนัด ซันเดย์ และ กรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ให้เป็นหน่วยงานดำเนินการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้ร้อง โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายและค่าดำเนินการจาก สตช.

ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2554 ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองความปลอดภัยต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เหตุจากตนได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐบางราย และกรมคุ้มครองสิทธิฯได้ประสานไปยัง สตช. เพื่อดำเนินการคุ้มครองความปลอดภัย โดยกองบังคับการปราบปราม ได้ให้การคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้ร้องและมารดา ระหว่างวันที่ 7 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2555 เป็นเวลา 437 วัน ทั้งนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองพยาน ได้แก่ ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครอง 174,800 บาท ค่าเลี้ยงชีพอันเนื่องมาจากการขาดประโยชน์ทำมาหาได้ของผู้ร้องและมารดา 174,800 บาท ค่าอาหารและเครื่องดื่มของผู้ร้องและมารดา 174,800 บาท ค่าที่พักอาศัยระหว่างคุ้มครองพยาน 348,000 บาท และค่าใช้อื่นเพื่อให้พยานได้รับการช่วยเหลือ 43,970บาท รวมทั้งสิ้น 916,370 บาท โดยส่วนที่ผู้ร้องได้รับไปคือค่าเลี้ยงชีพและค่าอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งผู้ร้องได้รับไปครบถ้วนแล้ว ส่วนรายการอื่น กรมฯได้เบิกจ่ายให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และหลังจากนั้น ได้ประเมินพฤติการณ์ความไม่ปลอดภัยของผู้ร้อง พบว่า ผู้ร้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จึงได้แจ้งยกเลิกการคุ้มครองพยานตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 โดยผู้ร้องได้รับทราบด้วยแล้ว

ต่อมา เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 ผู้ร้อง ได้ยื่นคําร้องขอคุ้มครองพยาน โดยอ้างสาเหตุเดิมกรณีตลาดซันเดย์ กรมคุ้มครองสิทธิฯ ไม่อนุมัติให้ความคุ้มครองพยาน และผู้ร้องได้อุทธรณ์คําสั่งต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน และศาลมีคําสั่งยกคําร้อง เนื่องจากผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายหรือประจักษ์พยานในคดี

หลังจากนั้น ผู้ร้องได้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม อีกครั้ง โดยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย ไม่ได้รับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในระหว่างอยู่ในมาตรการคุ้มครองพยาน การยกเลิกการคุ้มครองพยานไม่เป็นธรรม และเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 กระทรวงยุติธรรม แจ้งผลการดําเนินการเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ให้ผู้ร้องทราบว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้อนุมัติจ่ายเงินค่าใช้จ่ายและค่าดําเนินการในการคุ้มครองพยานให้ผู้ร้องครบถ้วนแล้ว และไม่พบพฤติการณ์ความไม่ปลอดภัย จึงไม่อนุมัติให้คุ้มครองพยาน และผู้ร้องได้ยื่นอุทธรณ์หนังสือกระทรวงยุติธรรมดังกล่าวต่อศาลอาญา

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ศาลอาญา มีคําพิพากษาว่าข้อเท็จจริงเดียวกันนี้ ศาลจังหวัดตลิ่งชัน เคยมีคําสั่งให้ยกคําร้องแล้ว โดยคําสั่งของศาลจังหวัดตลิ่งชันเป็นที่สุด ตามมาตรา 20 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 คําร้องดังกล่าว จึงเป็นการร้องซ้ำ จึงมีคําพิพากษาให้ยกคําร้อง

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า หากท่านเป็นผู้ที่จะมาให้ข้อเท็จจริงหรือได้ให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วถูกข่มขู่คุกคามท่านหรือบุคคลใกล้ชิด หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ท่านสามารถติดต่อขอรับการคุ้มครองพยานได้ที่สายด่วนยุติธรรม โทร 1111 กด 77 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด หรือสถานีตำรวจทุกแห่ง และขอให้เชื่อมั่นว่า พยานที่อยู่ในการคุ้มครองมีความปลอดภัยทุกราย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password