“สมศักดิ์ เทพสุทิน” เปิดกระทรวงต้อนรับ “ทูตสหรัฐ” ร่วมหารือปราบยาเสพติดร่วมกัน ชมไทยออกมาตรการยึดทรัพย์ ช่วยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม วอนช่วยขจัดยาบ้า พ่วงสกัดการค้ายานรกและส่งออกสารตั้งต้น ขอบคุณรัฐบาลไทยผลักดันกฎหมายป้องกันทรมาน ด้าน รมว.ยุติธรรม ลั่น! ยึด กม.ต้นแบบจากสหรัฐฯ ช่วยยึดทรัพย์ได้อื้อ ตั้งเป้ายึดทรัพย์แสนล้านบาทในปีนี้ ย้ำ! สร้างที่กักกันคนเห็นต่าง-นักโทษการเมืองแยกจากคนคุกเด็ดขาด

วันที่ 8 มี.ค.2566 ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้การต้อนรับ นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการ โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร.ต.อ. ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย  Ms.Rebecca Hunter ผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง Mr.Mark Snyder เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  Mr.Chris Cantell เจ้าหน้าที่สอบสวนกลาง ของสหรัฐอเมริกา เข้าร่วม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เดินทางเข้ามาหารือข้อราชการ ถึงแม้ตนจะเหลือเวลาทำงานในรัฐบาลไม่ถึง 1 เดือน แต่ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าด้านความร่วมมือของทั้ง 2 รัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง ได้ผลักดันกฎหมายจนสำเร็จไปแล้วกว่า 10 ฉบับ โดยมี 1 ฉบับ มีต้นแบบมาจากสหรัฐอเมริกา ก็คือ กฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ที่ศึกษามาจาก เมแกน ลอว์ และมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2566 เพื่อช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม ด้วยการเฝ้าระวังบุคคลอันตราย ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญ โดยภายหลังพ้นโทษ ต้องถูกเฝ้าระวัง ด้วยการใส่กำไลอีเอ็ม สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ จะช่วยแก้ปัญหาโทษประหารชีวิตได้อีกด้วย เพราะจะช่วยลดการก่อเหตุรุนแรงที่มีโทษประหารชีวิตลงได้

นอกจากนี้ อีกหนึ่งความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกา ก็คือการปราบปรามยาเสพติด ที่ได้มีความร่วมมือกับ สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ) จนเกิดการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง ซึ่งก่อนตนมาเป็นรับตำแหน่ง การติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดได้น้อยมาก ไม่เกินปีละ 900 ล้านบาท แต่เมื่อตนผลักดันกฎหมายใหม่ ที่เน้นการยึดอายัดทรัพย์ เพื่อตัดวงจรการค้ายา ก็สามารถยึดอายัดทรัพย์ได้มากขึ้น อย่างปี 2564 ยึดได้ถึง 7,300 ล้านบาท ปี 2565 ยึดได้ถึง 11,000 ล้านบาท และปี 2566 ตั้งเป้า 1 แสนล้านบาท ซึ่ง 3 เดือนแรก สามารถยึดอายัดได้แล้ว 2 หมื่นล้านบาท โดยเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การค้นทรัพย์ ที่ถือเป็นเรื่องใหม่และยากมาก เราก็ได้ความร่วมมือจากดีอีเอ สหรัฐฯ เข้ามาช่วยในการค้นทรัพย์และแลกเปลี่ยนวิธีการ จนสามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้จำนวนมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนกฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.2566 แต่ได้มีการเลื่อนบังคับใช้บางมาตราออกไป 7 เดือน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเตรียมเครื่องมือบันทึกภาพ ดังนั้น ถ้ายังบังคับใช้ทุกมาตรา เจ้าหน้าที่บางรายที่ไม่มีกล้อง ก็อาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้ จึงมีการชะลอการใช้ไปก่อน ส่วนการดูแลผู้ประท้วงที่อดอาหาร กระทรวงยุติธรรม ก็ได้มีการหารือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเห็นตรงกันว่า ให้ร่างกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ศาล สั่งผู้ที่ยังไม่ใช่นักโทษ มีสถานที่เก็บตัวที่ไม่ใช่เรือนจำได้ เพราะมองว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาเรื่องความเห็นต่าง หรือ เป็นนักโทษการเมือง ซึ่งไม่ควรนำไปรวมกับกลุ่มนักโทษเด็ดขาด

ด้าน นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กล่าวว่า ขอขอบคุณ นายสมศักดิ์ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมขอขอบคุณความร่วมมือของทั้งสองรัฐบาล โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย จนเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ จากนี้ ตนอยากให้รัฐบาลไทยช่วยหยุดยั้งยาบ้าที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั่วโลก ทางสหรัฐอเมริกา จึงอยากร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรมของไทย เพื่อไม่ให้มีการค้ายาเสพติด หรือส่งออกสารตั้งต้น

ส่วน มาตรการยึดทรัพย์ของกระทรวงยุติธรรมนั้น ตนเห็นด้วย เพราะจะช่วยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้ผู้ค้ายาเสพติดสามารถนำเงินไปหมุนเวียนกระทำความผิดได้ ดังนั้น จากนี้หากรัฐบาลไทยต้องการความช่วยเหลือ เช่น การฝึกอบรมเฉพาะด้าน ก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะปัญหายาเสพติด ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่เป็นปัญหาทั้งหมด

“ผมขอขอบคุณประเทศไทย ที่ผ่านกฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหาย ซึ่งสหรัฐอเมริกา พร้อมจะสนับสนุนให้ใช้กฎหมายนี้อย่างเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการทรมานและอุ้มหาย พร้อมขอขอบคุณที่ นายสมศักดิ์ ไปเยี่ยมผู้ที่อดอาหารประท้วง ซึ่งสะท้อนว่า ได้ให้ความสำคัญกับด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ผมขอขอบคุณความร่วมมือในทุกด้าน ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรม ให้ความร่วมมือเป็นอย่างนี้ ทำให้ความร่วมมือจากนี้ จะยิ่งเพิ่มขึ้นไป” นายโรเบิร์ต กล่าวในตอนท้าย.