สกมช. ระดมสมอง “ผู้นำองค์กร-ส.ระดับประเทศ” ร่วมหาแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์

สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) จัดเสวนากลุ่มย่อย ภายใต้หัวข้อ“การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ด้านการเงินธนาคารให้โครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมทั่วไทยกับความสำคัญต่อภาคประชาชนและธุรกิจ”

ในงานนิทรรศการสัปดาห์วิชาการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ปี 2566 (Thailand National Cyber Week 2023) โดยมี พล.อ.ต. อมร ชมเชย เลขาธิการสกมช. น.ส.กนกอร ฉวาง ผู้อำนวยการส่วนการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายสุรชัย ฉัตรเฉลิมพันธุ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และนายกิตติพงษ์ ธีระเรืองไชยศรี Cyber Expert/Information Security and Data Management True Corporation ร่วมวงเสวนา

พล.อ.ต. อมร ชมเชย เลขาธิการ สกมช. กล่าวว่า ปัจจุบันภัยคุกคามทางไซเบอร์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ สกมช.จึงมุ่งขับเคลื่อนการจัดการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศที่มีประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ทุกมิติ รวมถึงนโยบายในการยกระดับความมั่นคงปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ ผลักดันให้ทุกหน่วยงานมีมาตรการในการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อให้ประเทศและประชาชนมีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ที่เข้มแข็งโดยพยายามออกแบบระบบไม่ให้เกิดการสะดุดในการติดต่อสื่อสารตั้งแต่คนทำอุปกรณ์ ผู้ใช้งาน ผู้กำกับดูแล เพื่อให้เกิดภาพสมบูรณ์ที่พร้อมใช้ไม่มีการปลอมแปลงข้อมูล

น.ส.กนกอร ฉวาง ผู้อำนวยการส่วนการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า กสทช.นอกจากการออกกฎระเบียบแนวปฏิบัติเพื่อบังคับใช้ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน หรือดำเนินภารกิจให้เป็นไปตามที่พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 กำหนดแล้ว ยังได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในการป้องกันภัยไซเบอร์ เช่น ที่ผ่านมาธนาคารถูกโจมตีทำให้ระบบการทำงานล่ม ก็ได้ประสานมายังหลังบ้านของ กสทช. ขอความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นการทำงานนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด พร้อมยอมรับว่าปัจจุบันภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง กสทช. กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาและวางแนวทางปฏิบัติให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยมายิ่งขึ้น อย่างน้อยอุปกรณ์ตัวเครื่องในโครงข่ายควรผ่านมาตรฐานความปลอดภัยในระดับมาตรฐานสากล

ซึ่งที่ผ่านมาโอเปอร์เรเตอร์แต่ละค่ายมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้มีมาตรฐานเหมือนกัน กสทช.อาจจะต้องดำเนินการจัดทำแนวปฏิบัติในลักษณะที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการ ซึ่งมาตรฐานสากลที่กำลังพิจารณาอยู่ เช่น มาตรฐานนีซัส (NESAS) เพื่อให้เป็นระบบมาตรฐานที่ผ่านการรับรองของ กสทช.

ขณะที่ นายสุรชัย ฉัตรเฉลิมพันธุ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงมาตรการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ในเทคโนโลยีของหัวเว่ยว่า “ปัจจุบัน เครือข่าย 5G บนเทคโนโลยีของหัวเว่ย ได้ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ไปกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการเปลี่ยนจากเทคโนโลยี 4G ไปสู่ 5G ทำให้แอพลิเคชันต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย นอกจากนี้คนทั่วไปก็หันมาใช้บริการดูสื่อวิดีโอแบบสตรีมมิ่งบนความละเอียด 4K รวมทั้งใช้งาน AI และแอพลิเคชันรูปแบบอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IOT) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมต่อเครือข่ายของหัวเว่ย จะเป็นสะพานที่เชื่อมทุกคนให้เข้าถึงกันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้

เราเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G โดยตรง ที่สำคัญ ลูกค้าที่เชื่อมต่อผ่านระบบของหัวเว่ยเพื่อทำการไลฟ์วิดีโอ การถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ การถ่ายทอดทางวิทยุ โทรทัศน์ทางช่องยูทูปไปจนถึงโครงการสมาร์ทซิตี้โครงการด้านสาธารณสุขอย่างการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) จะต้องส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายของเรา ดังนั้น ในฐานะซัพพลายเออร์เทคโนโลยี 5G ในระดับโลก เราจำเป็นต้องพัฒนาอุปกรณ์ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และต้องเป็นไปตามหลักปฏิบัติของ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ของประเทศไทย โดยระบบ 5G ของเราจะเปรียบเสมือนการล็อคกุญแจมีความปลอดภัยเหมือนการล็อครหัส 2 ชั้น มีการเข้ารหัสข้อมูล ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้แฮ็กเกอร์ถอดรหัสได้ยาก”

เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันหัวเว่ยมีโซลูชันประเภท IOT มากขึ้นและปริมาณการใช้งานผ่านระบบและโซลูชันประเภท IOT ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตทั้งระบบ ดังนั้นหากระบบรักษาความปลอดภัยไม่มีประสิทธิภาพมากพอก็อาจจะถูกโจมตีรวมถึงอาจทำให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานล่มได้ ดังนั้น ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นผู้พัฒนาระบบและอุปกรณ์ จึงต้องมีการออกมาตรการให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเพื่อใช้เป็นแนวทางป้องกัน นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมองเห็นว่าประเทศไทยกำลังดำเนินการไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์โลกในเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะประเด็นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งจะสามารถทำได้แต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ที่สำคัญคือต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ด้านนายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ในทางกฎหมาย มีองค์กรอย่าง สกมช. และ กสทช. ช่วยทำให้กฎระเบียบมีความเหมาะสมเข้มข้น ทรูก็มีความเข้มข้นในการป้องกันตัวเองมากขึ้น แต่ก็ยังมีการแอบใช้เครือข่ายของลูกค้าองค์กรในการโจมตีคนอื่นต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้ารายย่อย การหลอกลวงต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายแต่เมื่อมีคนเข้าใช้บริการเครือข่ายผ่านระบบอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ผู้ร้ายก็ตามมา ดังนั้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญหาเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาก ผู้ให้บริการก็พยายามแก้ไขเต็มที่ โดยร่วมมือกับ สกมช. และ กสทช. ขณะเดียวกันได้พยายามยกระดับความรู้เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยทรูได้พัฒนาและยกระดับความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยและส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้นด้วย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password