‘ฟิลลิป มอร์ริส’ ลุ้นฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ชี้ผิดจริงเลี่ยงภาษี แต่สั่งลดค่าปรับเหลือ 2.5 เท่า

ศาลอุทธรณ์พิพากษาบริษัทฟิลลิป มอร์ริส ผิดจริง! ฐานเลี่ยงภาษีบุหรี่ 2 ยี่ห้อดัง “มาร์โบโล และ L&M” แต่เพราะระหว่างทางมีการปรับแก้กฎหมาย และจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงแก้สั่งลดโทษปรับจาก 4 เท่าเหลือแค่ 2.5  เท่า โดยให้ศุลกากรคำนวณเป็นจำนวนเงินอีกครั้ง พร้อมยกฟ้องอดีตพนักงานบริษัทจำเลยที่ 2 เหตุไม่มีส่วนรู้เห็น ด้าน ผู้แทนบริษัท  ฟิลลิป มอร์ริส เห็นต่างคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  เผย! รอปรึกษาบริษัทฯ ลุ้นยื่นฎีกา

เวลา 10.00 น. วันที่ 31 ม.ค.2566  ที่ ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาลอุทธรณ์ คดีเลี่ยงภาษีบุหรี่ 2 ยี่ห้องดัง หมายเลขดำ อ.232/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด โดย นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส(MR.Gerald Margolis) ผู้จัดการสาขา ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด (Philip Morris (Thailand) Ltd. (PMTL)และ อดีตพนักงานบริษัทหญิงคนไทย (สงวนชื่อ-สกุล) เป็นจำเลยที่ 1-2  ในความผิดฐานร่วมกันนำเข้าบุหรี่ที่มีแหล่งผลิตในต่างประเทศ เข้าราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี เพื่อฉ้อค่าภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ม.27,115 จัตวา

อัยการโจทก์ ฟ้องระบุว่า เมื่อระหว่างวันที่ 22 ม.ค. 2545 -14 ส.ค. 2546 จำเลยที่ 1-2 กับพวกที่หลบหนียังไม่ได้นำตัวมาฟ้องอีกหลายคน ร่วมกันนำบุหรี่ยี่ห้อ L&M และยี่ห้อมาร์โบโล เข้ามาในราชอาณาจักรไทย และได้ร่วมกันสำแดงเท็จโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงและอุบายด้วยการยื่นใบขนสินค้าขาเข้าต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร กรมศุลกากรเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร ซึ่งรวมราคาเป็นเท็จไม่ตรงตามราคาที่แท้จริงและถูกต้องตามกฎหมายศุลกากร จำนวน 780 ครั้ง เหตุเกิดที่เขตบางรัก, เขตคลองเตย กรุงเทพฯ, สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และด่านศุลกากรอื่นๆอีกหลายที่ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และประเทศอินโดนีเซีย ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน

คดีนี้เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2563 ศาลชั้นต้น (ศาลอาญา) พิพากษาว่า พยานหลักฐานโจทก์ซึ่งมาจากหลายหน่วยงาน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ในลักษณะประสานความร่วมมือค้นหาความจริง เบิกความมีน้ำหนักให้รับฟัง  

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวบรวมได้ ทั้งเอกสารโครงสร้างราคาบุหรี่ที่ยึดได้เมื่อไปตรวจค้นสำนักงานของจำเลยที่ 1 ในปี 2542, เอกสารติดต่อกันระหว่างจำเลยที่ 1 กับ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เอเชีย ซึ่งเป็นผู้ดูแลบริษัทในเครือที่อยู่ในภาคพื้นเอเชีย ก็ตีราคาหน้าโรงงานซึ่งมีราคาเฉลี่ย และราคาขายปลีกที่ใช้วิธีสุ่มตรวจจากตลาดในประเทศอินโดนีเซีย หรือต้นทุนบุหรี่ยี่ห้อมาร์โบโล และ L&M ก็จะเห็นได้ว่ามีตัวเลขสูงกว่าราคาสำแดงตามใบขนส่งสินค้าของจำเลยที่ 1

พฤติการณ์การนำเข้าและการสำแดงราคาบุหรี่เพื่อผ่านพิธีการศุลกากรของจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ, ขณะเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ เป็นการยื่นราคาสำแดงที่ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ตรวจพบเหตุสงสัยราคาที่สำแดงกรณีผู้ซื้อผู้ขายมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งก่อน-หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 นำเข้าบุหรี่จากประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์โดยสำแดงราคาคงที่ราคาเดียวมาตลอด จะมีการเปลี่ยนแปลงราคาสำแดงคือ บุหรี่ยี่ห้อมาร์โบโล ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรเคยเข้าตรวจค้นยึดและประเมินเห็นว่าราคาประเมินสำแดงต่ำและเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมมาโดยตลอด  โดยที่จำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งและยินยอมชำระภาษีอากรขาเข้าและค่าปรับ เพื่อระงับคดีในชั้นศุลกากรเท่ากับจำเลยที่ 1 ยอมรับราคาประเมินของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเป็นราคาของนำเข้าที่แท้จริง ซึ่งตามปกติราคาสินค้าต้องมีเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่จำเลยที่ 1 ยังสำแดงราคาที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรปฏิเสธไม่ยอมรับราคามาโดยตลอด และใช้วิธีย้ายการนำเข้าเมื่อถูกศุลกากรประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมซึ่งผู้จำหน่ายบุหรี่ให้แก่จำเลยที่ 1 คือฟิลลิป มอร์ริส มาเลเซีย , อินโดนีเซีย , ฟิลิปปินส์ เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ความสัมพันธ์ลักษณะการสำแดงราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิม

  ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 สำแดงราคาคงที่ต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนตามเศรษฐกิจ ทั้งที่ไม่ปรากฏการทำสัญญาซื้อขายตกลงราคากันไว้ล่วงหน้า เป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้ซื้อกับผู้ขายเป็นบริษัทแม่ผู้กำหนดราคาตามอำเภอใจและเป็นราคาที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง เมื่อพิจารณาในแง่ธุรกิจย่อมขัดกับหลักการประกอบธุรกิจที่ผู้ขายต้องมุ่งหวังผลกำไรสูงสุด

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า  การกระทำของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 จึงเป็นการสำแดงเท็จ เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ , ขณะเกิดเหตุ , หลังเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 สำแดงราคาคงที่มาโดยตลอด ไม่เคยชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับราคาที่แท้จริงทั้งที่อยู่ในวิสัยที่พึงกระทำได้ พฤติการณ์บ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นการนำสินค้าประเภทบุหรี่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าอากรให้ครบถ้วนโดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล เป็นการผ่าฝืนมาตรา 27 พ.ร.บ.ศุลกากรฯ

ส่วนเรื่อง ราคาที่แท้จริงของบุหรี่ทั้ง 2 ยี่ห้อ จำนวน 3,184,957,148 บาท แต่จำเลยที่1 สำแดงราคาเป็นเงินจำนวน 2,534,227,797 บาท ดังนั้น ราคาบุหรี่จึงขาดไปเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 650,729,350 บาท คิดอากรขาเข้าอัตราร้อยละ 4 ของจำนวนดังกล่าวเท่ากับ 32,536,467 บาทซึ่งเป็นค่าอากรขาเข้าที่จำเลยที่ 1 ต้องเสียเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาของศาล ได้มีการแก้กฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำผิดโดยยังคงบัญญัติให้การกระทำตามฟ้อง เป็นความผิดอยู่ และมีบทกำหนดโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินตั้งแต่ครึ่งเท่า แต่ไม่เกิน 4 เท่าของค่าอากรที่ต้องเสียเพิ่ม ซึ่งกฎหมายที่แก้ไขใหม่นั้นเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า ตามกฎหมายจึงนำมาพิจารณา

ศาลจึงพิพากษา ว่า ให้ปรับ บริษัท ฟิลลิปมอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 ตามอัตรากฎหมายที่แก้ไขใหม่ เป็นเงินทั้งสิ้น 130,145,870 บาท ส่วน พนักงานบริษัทหญิงคนไทย จำเลยที่ 2 ศาลเห็นว่า ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในทางบริหาร หรือมีส่วนกำหนดนโยบายเรื่องการนำเข้าหรือ จัดจำหน่ายบุหรี่ในไทยของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2

ต่อมาอัยการโจทก์และจำเลย ยื่นอุทธรณ์ โดยวันนี้ (31 ม.ค.) นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส ผู้จัดการสาขา ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ผู้แทนนิติบุคคลบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด และอดีตพนักงานสาวบริษัท จำเลยที่ 1-2 พร้อม ล่ามแปลภาษา ทนายความและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เดินทางมาคำฟังคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ การกระทำของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 เป็นการสำแดงเท็จ และเป็นการนำสินค้าประเภทบุหรี่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย

      อย่างไรก็ตาม เห็นควรแก้ไขค่าปรับเสียใหม่ ซึ่งอัยการโจทก์ยื่นฟ้องให้ปรับ 4 เท่า แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลมีกฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับ บริษัท ฟิลลิปมอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 ตามอัตรากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จำนวน 2.5 เท่า โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคำนวณค่าอากรเป็นจำนวนเงินที่แท้จริงอีกครั้ง ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงพนักงานบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด ไม่ได้มีอำนาจกำหนดราคาของบุหรี่ทั้ง 2 ยี่ห้อแต่อย่างใด ใฟ้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ภายหลัง นายเจอรัลด์ ในฐานะ ตัวแทนของบริษัท ฟิลลิปมอร์ริสไทย จำเลยที่ 1 กล่าวว่าขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับอดีตพนักงานที่ได้รับการกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม และรู้สึกยินดีที่ศาลให้ความเป็นธรรมกับบริษัทเราโดยการลดค่าปรับลง โดยเหตุผลว่า บริษัทให้ความร่วมมือในการสืบสวนมาโดยตลอด ซึ่งตนยืนยันว่าทางบริษัทเคารพการตัดสินของศาล แต่ยังคงไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ยังคงมีคำพิพากษาที่ไม่เป็นคุณต่อบริษัท ฯจำเลยที่ 1  เพราะเราเชื่อว่าการสำแดงราคาของเรานั้นถูกต้องและสอดคล้องกับการกำหนดราคาของศุลกากร

ทั้งนี้ เพราะกว่า 10 ปีหน่วยงานของศุลกากรของไทยและต่างชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้า เคยพิจารณาราคาที่ทางบริษัทเราสำแดงและมีคำสรุปในแนวทางเดียวกันว่าทางบริษัทสำแดงราคาอย่างถูกต้อง เราเชื่อมั่นว่าเรามีข้อมูลหลักฐานข้อโต้แย้งที่หนักแน่นพอจะทำให้ศาลฎีกาเปลี่ยนคำตัดสินได้  ทั้งนี้ขอกลับไปดูสำนวนพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจอีกครั้งว่าทางบริษัทจะยื่นฎีกาหรือไม่.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password