‘พาณิชย์’ เตือนผู้ทำบัญชี! ต่ออายุฯปี ‘69 ก่อนสิ้นปีนี้ ชี้! เสี่ยงพ้นสถานะทันที

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งผู้ทำบัญชีทั่วประเทศ รีบต่ออายุสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีปี 2569 ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อรักษาคุณสมบัติผู้ทำบัญชี ก่อนประกาศคุณสมบัติฉบับใหม่มีผล 1 ม.ค. 2569 พร้อมย้ำตรวจสอบชั่วโมง CPD ให้ครบ มิฉะนั้นอาจถูกพ้นสถานะหรือถูกปรับตามกฎหมาย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้ทำบัญชีเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะนิติบุคคลอย่างห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชน ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีตามกฎหมาย และต้องจัดหาผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดมาเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำบัญชีให้เพื่อแสดงผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินตามที่เป็นอยู่ ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งพระราชบัญญัติการบัญชีได้กำหนดให้ผู้ทำบัญชีต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวต่อว่า “คุณสมบัติหนึ่งของผู้ทำบัญชีคือ ต้องเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งอายุสมาชิกสภาฯ จะหมดทุกสิ้นปีปฏิทิน ผู้ทำบัญชีจะต้องต่ออายุสมาชิกสภาฯ ของปีถัดไปให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม ของปีปัจจุบัน ดังนั้น การต่ออายุสมาชิกสภาฯ ประจำปี 2569 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผู้ทำบัญชีจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อจะได้ไม่ขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้ทำบัญชี สามารถรับทำบัญชีให้กับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญยังคงสถานะเป็นผู้ทำบัญชีต่อไปเมื่อประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2569 และได้รับการยกเว้นไม่ต้องทดสอบผ่านระบบงานผู้ทำบัญชี (e-Accountant) โดยการต่ออายุสมาชิกสภาฯ สามารถดำเนินการได้ที่เว็บไซต์สภาวิชาชีพบัญชี www.tfac.or.th”

“นอกจากผู้ทำบัญชีจะต้องคงคุณสมบัติของการเป็นผู้ทำบัญชีแล้ว ยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด สำหรับช่วงสิ้นปีที่ใกล้มาถึงนี้ ขอให้ผู้ทำบัญชีตรวจสอบจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชี หรือชั่วโมง CPD ประจำปี 2568 ของตนเองให้ครบ อย่างน้อย 12 ชั่วโมง โดยต้องมีชั่วโมงด้านบัญชีไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนด หากยังไม่ครบจะต้องรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และแจ้งชั่วโมง CPD ได้ทันทีหลังทำกิจกรรม แต่ไม่เกิน 30 มกราคมของปีถัดไป โดยสามารถแจ้งชั่วโมง CPD ได้ 2 ช่องทาง คือ ผ่านทางระบบ e-Accountant ของกรมฯ หรือระบบ CPD Online ของสภาวิชาชีพบัญชี”
“โอกาสนี้ ขอแจ้งเตือนให้ผู้ทำบัญชีสำรวจคุณสมบัติของตนเองว่าต่ออายุสมาชิกสภาฯ หรือเก็บชั่วโมง CPD ครบถ้วนแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ หากผู้ทำบัญชีขาดคุณสมบัติจะส่งผลต่อสถานะการเป็นผู้ทำบัญชีทันที หรือหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชีจะมีบทลงโทษตามกฎหมายปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท และอาจประพฤติผิดจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีอีกด้วย”
กรมฯ ได้ดูแลผู้ทำบัญชีมาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมาตรฐานผู้ทำบัญชีไทยให้เป็นที่ยอมรับ และขอความร่วมมือผู้ทำบัญชีอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน หากมีการรับทำบัญชีให้กับนิติบุคคลรายใดจะต้องแจ้งการรับทำบัญชีผ่านทางระบบงานผู้ทำบัญชี (e-Accountant) ภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มทำบัญชี และหากเลิกรับทำบัญชีให้นิติบุคคลรายนั้นแล้ว ต้องแจ้งยกเลิกทำบัญชี ภายใน 30 วัน นับแต่วันยกเลิกทำบัญชีเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลการรับทำบัญชีมีความถูกต้องและตรงตามความเป็นจริง
“ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568) ประเทศไทยมีผู้ทำบัญชีประมาณ 80,344 คน ซึ่งรับทำบัญชีให้ธุรกิจกว่า 980,000 ราย จึงขอให้ผู้ทำบัญชีตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองและการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพราะผู้ทำบัญชีมีบทบาทสำคัญต่อรายงานทางการเงินของธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือให้กับผู้รับบริการรวมถึงผู้ที่ใช้ผลงานของผู้ทำบัญชีด้วย” อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th เมนู บริการออนไลน์ ผู้ทำบัญชี (e-Accountant) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมพัฒนาวิชาชีพบัญชี กองกำกับบัญชีธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หมายเลขโทรศัพท์ 0 2547 4395 และ สายด่วน 1570.






