‘จ่าเอก ยศสิงห์’ ลงพื้นที่แปดริ้ว ลุยตรวจจุดลักลอบทิ้งกากของเสียกลางสวนยูคาลิปตัส

“จ่าเอก ยศสิงห์” ลงพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตรวจจุดลักลอบทิ้งกากของเสียกลางสวนยูคาลิปตัส พร้อมสั่งเร่งสอบผู้เกี่ยวข้อง ดำเนินคดีไม่ละเว้น

จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสวนยูคาลิปตัส หมู่ที่ 3 ตำบลหนองไม้แก่น อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับนายพีรวัส สมวงศ์ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวีรพงษ์ เอี่ยมเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายปณตสรรค์ สูจยานนท์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายสุรศักดิ์ จันทร์ชุม อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ตลอดจนเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เพื่อเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาข้อสรุปในกรณีการลักลอบทิ้งกากของเสียในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีนางสาวกัลยา ประสิทธิ์ภาคย์ นายอำเภอแปลงยาว พันตำรวจเอกปรีชา นิสัยสม ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรแปลงยาว ตลอดจนผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วม
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว ได้จับกุมรถบรรทุกน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้ว ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ขณะลักลอบนำของเสียมาทิ้งในบ่อดินภายในสวนยูคาลิปตัส หมู่ที่ 3 ตำบลหนองไม้แก่น ต่อมาสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย กระทั่งพบผู้กระทำผิด 3 ราย ให้การรับสารภาพ และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้อง พร้อมสืบสวนหาผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันคดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนและติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

จากเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้า เพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างรัดกุม โปร่งใส และตรงตามกรอบกฎหมาย
จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ กล่าวว่า “การลักลอบทิ้งกากของเสียหรือของเสียอันตรายในพื้นที่ใดก็ตาม ถือเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้ และสร้างผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยตรง กระทรวงอุตสาหกรรมจะไม่เพิกเฉย และจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีกในพื้นที่อื่นๆ”
ทั้งนี้ได้กำชับให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เร่งรัดตรวจสอบแหล่งกำเนิดของของเสีย รวมถึงเส้นทางการขนส่ง เพื่อสาวไปถึงต้นตอของผู้ว่าจ้างหรือผู้สั่งการ พร้อมย้ำว่า “หากพบโรงงานหรือบุคคลใดเกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ทั้งในทางอาญาและทางปกครอง ไม่มีข้อยกเว้น”
พร้อมกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมประสานหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและท้องถิ่นในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อความปลอดภัยของชุมชนโดยรอบ และป้องกันปัญหามลพิษในระยะยาว ภายใต้นโยบาย “ปิดเร็ว–เปิดเร็ว–พึ่งพาได้” ที่เน้นให้ทุกการดำเนินงานของภาครัฐมีความรวดเร็ว โปร่งใส และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก.






