รมช. อุตสาหกรรม ลงพื้นที่บางขุนเทียน ติดตามการตรวจยึดสินค้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 12,000 ชิ้น พบของกลางหายจากโกดังกว่าหมื่นชิ้น สั่ง สมอ. ดำเนินคดีถึงที่สุด

จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า “ ผมและทีมงานประกอบด้วย นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ สมอ. ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังเก็บสินค้าในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ที่ สมอ. ได้อายัดสินค้าไว้ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้แก่ เครื่องเป่าผม อะแดปเดอร์ พาวเวอร์แบงค์ เครื่องปิ้งขนมปัง เตาไฟฟ้า หลอดไฟ LED และหมวกกันน็อก จำนวนกว่า 12,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,373,700 บาท จากการตรวจสอบพบว่าสินค้าที่อายัดไว้หายไปจากโกดังกว่า 10,000 ชิ้น

“ผมได้กำชับให้ สมอ. ติดตามขยายผลเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ รวมถึงติดตามของกลางกลับมาให้ได้ และให้ สมอ. ทบทวนสถานที่เก็บของกลางที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ชึ่งต้องใช้ระยะเวลากว่าคดีจะถึงที่สุด จึงขอฝากถึงประชาชนให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องเลือกที่ได้มาตรฐาน มอก. เท่านั้น ไม่ควรใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน ” จ่าเอก ยศสิงห์ กล่าว

ด้าน นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการรายนี้มีการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม Shopee มีโกดังตั้งอยู่ที่ 859/15 ถ.อนามัยงามเจริญ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตทำและนำเข้าจาก สมอ. และอยู่ระหว่างการดำเนินคดี โทษฐานจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากการลงพื้นที่พบว่ามีการลักลอบขนย้ายของกลางออกไปกว่า 10,000 ชิ้น เหลือเพียง 315 ชิ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 142 นำเอกสารการยึดอายัดของเจ้าหน้าที่ออกไป ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเจ้าหน้าที่ สมอ. ได้ดำเนินการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ดูแลโกดังแห่งนี้อ้างว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าทำหน้าที่เพียงแพ็กสินค้าเมื่อมีการสั่งซื้อเข้ามาเท่านั้น ไม่ทราบกระบวนการนำเข้าและรายละเอียดของสินค้าที่นำเข้ามา อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความปลอดภัยของประชาชน จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” เลขาธิการ สมอ. กล่าว.