‘ธนกร’ลงพื้นที่ ตรวจเข้ม มาตรการป้องกันน้ำท่วม นิคมฯ บางปะอิน

“รมว.อุตฯ” ยืนยันความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมมีความปลอดภัยการันตีมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่ครอบคลุม 100% ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและแผนปฏิบัติการรับมือเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกภาคส่วนในภาคอุตสาหกรรมสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการมาตรการป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้กล่าวภายหลังรับฟังบรรยายสรุปและตรวจเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของนิคมฯ บางปะอิน ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้องกันผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ
“ทุกคนต่างมีบทเรียนจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปี 2554 การลงพื้นที่ในวันนี้จึงไม่ใช่เพียงการตรวจเยี่ยม แต่เป็นการมาเพื่อสร้างความมั่นใจว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย ผมได้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของนิคมฯ บางปะอิน ทั้งแนวคันดินคอนกรีต เสริมเหล็กที่ได้มาตรฐานสากล ระบบสูบน้ำขนาดใหญ่ และแผนเผชิญเหตุที่รัดกุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ประมาทและการเตรียมตัวที่ดีเยี่ยม” นายธนกร กล่าว
และยังได้มอบนโยบายและสั่งการเพิ่มเติม ให้มีการบูรณาการข้อมูลสถานการณ์น้ำเป็นหนึ่งเดียว (Single Command) จัดทำช่องทางการสื่อสารฉุกเฉินที่เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ประกอบการ และสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง 3 นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมบางหว้า (ไฮเทค) เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามฉุกเฉิน สถานการณ์ปัจจุบันของ 3 นิคมฯ ดังกล่าวมีการเฝ้าระวังผ่านการพยากรณ์ปริมาณน้ำฝนสะสมจากแบบจำลองบรรยากาศ และปริมาณระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหกสูงสุดย้อนหลัง 3 ปี ปกติทั้งนี้ ได้กำหนดเกณฑ์เตือนภัยเป็น 4 ระดับ คือ ระดับปกติธงสีเขียว ระดับเฝ้าระวังธงสีเหลือง ระดับเสี่ยงธงสีส้ม และระดับวิกฤตธงสีแดง มั่นใจว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมนิคมฯ แน่นอน

“ผมขอให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนทุกท่านมั่นใจว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลและปกป้องการลงทุนของท่านให้ปลอดภัย การเตรียมความพร้อมในวันนี้ คือหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในวันข้างหน้า ในส่วนพื้นที่รอบนอกเขื่อนกั้นน้ำ ผู้ประกอบการในนิคมฯ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยร่วมสนับสนุนงบประมาณ ถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพื่อมอบให้กับชุมชน” นายธนกร กล่าว
ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่านิคมฯ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำงานร่วมกับกรมชลประทานและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และยืนยันว่านิคมฯ มีความพร้อมปฏิบัติตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด ในการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้ประกอบการทุกราย ในภาพรวม กนอ. ได้วางมาตรการป้องกันอุทกภัยของนิคมฯ โดยมีมาตรการสำคัญ 8 มาตรการเพื่อป้องกันอุทกภัยของนิคมฯ ได้แก่ 1. ขุดลอก คู คลอง จุดสำคัญทั้งในและนอกนิคมฯ 2. ตรวจและซ่อมคันป้องกันน้ำท่วม 3. ตรวจและซ่อมบำรุงระบบสูบน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและหม้อแปลง 4. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้มีความพร้อม 5. ติดตามข้อมูลข่าวสาร 6.จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 7. ทบทวนและฝึกซ้อมแผนป้องกัน และ 8.สื่อสารข้อมูลสู่ผู้เกี่ยวข้อง
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินที่ รมว.อุตสาหกรรม และคณะฯ ลงพื้นที่ ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่มีโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำกว่า 100 แห่ง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ มีการจ้างงานหลายหมื่นอัตรา การป้องกันพื้นที่แห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
โดยนิคมฯ ได้นำเสนอแผนความพร้อมในมิติต่างๆ ที่ถูกพัฒนาและซักซ้อมอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1.ความแข็งแกร่งทางกายภาพ โดยมีแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมถาวรความยาวหลายสิบกิโลเมตรรอบพื้นที่ มีความสูงอยู่ในระดับที่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากกว่าปี 2554 พร้อมติดตั้งประตูระบายน้ำที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ 2.ศักยภาพการระบายน้ำนิคมฯ มีสถานีสูบน้ำถาวรและเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่รวมกว่า 50 เครื่อง มีขีดความสามารถในการระบายน้ำได้หลายล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อบริหารจัดการน้ำภายในพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์
และ 3.แผนปฏิบัติการและบุคลากร นิคมฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามข้อมูลระดับน้ำและพยากรณ์อากาศแบบ Real-time และมีการจัดฝึกซ้อมแผนอพยพและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan – BCP) ร่วมกับโรงงานต่างๆ เป็นประจำ.