‘กรมศุลฯ – อย.’ ร่วมเพิ่มศักยภาพการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ

กรมศุลกากร ร่วมกับ อย. เซ็น MOU “ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ของผู้ประกอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ” เพื่อเพิ่มศักยภาพและพัฒนาองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการและตัวแทนออกของ สามารถยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากล

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 ก.ย. 2568 ณ ห้องประชุมมิราเคิล แกรนด์ บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร, นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร และ นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่อง ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ของผู้ประกอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ ระหว่าง 2 หน่วยงาน ในงานส่งเสริมผู้ประกอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพตามวิธีการที่ดีในการนำหรือสั่งผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาในราชอาณาจักร (GIP Plus)

นายธีรัชย์ กล่าวว่า กรมศุลกากร และ อย. ร่วมกันกำกับดูแลการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน หรือทางสาธารณสุข ยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เข้ามาในราชอาณาจักร โดย ผู้ประกอบการและตัวแทนออกของ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทั้งของ 2 หน่วยงานอย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาพบว่าผู้ประกอบการ และตัวแทนของยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับขั้นตอนพิธีการศุลกากร รวมถึง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ อย. อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความล่าช้าในการตรวจปล่อยสินค้า

เพื่อลดอุปสรรคและยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ดังนั้น อย. โดยกองด่านอาหารและยา และ กรมศุลกากร โดยกองบริหารทรัพยากรบุคคล จึงเห็นชอบร่วมกันในแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการของทั้งสองหน่วยงาน ในการจัดทำหลักสูตรผู้นำเข้าและตัวแทนออกของ:ผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยกรมศุลกากรจะสนับสนุนวิทยากรผู้เชี่ยวชาญสำหรับการบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับงานศุลกากร
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในด้านศุลกากร กฎหมายศุลกากร พิกัดตราศุลกากร และพิธีการในการตรวจปล่อยสินค้า ซึ่งองค์ความรู้ที่ผู้ประกอบการได้รับจะช่วยยกระดับมาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้าสู่ประเทศ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติพิธีการนำเข้า นอกจากนี้ ยังเป็นพลังสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฎหมาย และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการแข่งขันระหว่างประเทศ เกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ และภาคสังคม.



You may also like
