ปปง.สถาปนา 26 ปี โชว์ผลงานยึดอายัดทรัพย์กว่า 2.8 หมื่นล้าน – ระงับบัญชีม้าเกือบ 1 ล้านบัญชี

ปปง. ครบรอบ 26 ปี ดำเนินการทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดกว่า 28,269 ล้านบาท พร้อมระงับบัญชีม้าเกือบ 1 ล้านบัญชี เดินหน้าตัดวงจรการฟอกเงิน มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับสังคม

วันนี้ (19 ส.ค.) ณ โรงแรมเซ็นจูรี ปาร์ค กรุงเทพฯ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 26 ปี โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการเงิน คณะผู้บริหารและข้าราชการสำนักงาน ปปง. เข้าร่วมงาน

นายเทพสุ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ สำนักงาน ปปง. ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ในการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับสังคมและประเทศชาติ โดยยกระดับการปฏิบัติงานในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงให้เท่าทันต่อรูปแบบอาชญากรรมฟอกเงินใหม่ๆ และเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้ารับการตรวจประเมินการปฏิบัติ ตามมาตรฐานสากลด้าน AML/CFT ในปี พ.ศ. 2571 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมบทบาทการทำงานของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเงินของประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะเทียบเท่านานาอารยประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และพัฒนาองค์กรสู่องค์การที่มีสมรรถนะสูง รองรับการทำงานแบบดิจิทัล

สำนักงาน ปปง. มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้

1.ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและทันต่อสถานการณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน

2.ยกระดับการกำกับดูแลผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม โดยกำกับดูแลที่เข้มข้นยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยง ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนและเป็นไปตามกฎหมาย มุ่งเน้นการกำกับดูแลกลุ่มผู้มีหน้าที่รายงานให้เข้มงวด เพื่อป้องกันให้ระบบการเงินของประเทศถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน และการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง นอกจากการกำกับดูแลที่เข้มข้นแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ โดยได้จัด โครงการอบรมและสัมมนา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตามกฎหมายแก่ผู้มีหน้าที่รายงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้ทุกคนสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประเทศ  

3.การบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สิน โดยได้ใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเต็มที่ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน เช่น การค้ายาเสพติด การฉ้อโกงประชาชน หรือการพนันออนไลน์ การดำเนินการนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การยึดหรืออายัดทรัพย์สิน แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ และการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาเพื่อมุ่งตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมในทุกมิติ

4.ผลการดำเนินการในปัจจุบัน (ส.ค.67 – ส.ค.68) สำนักงาน ปปง. ดำเนินการกับทรัพย์สินมูลค่ากว่า 28,269 ล้านบาท (1) ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมมูลค่ากว่า 10,266 ล้านบาท (2) ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน รวมมูลค่ากว่า 11,888 ล้านบาท (3) ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย รวมมูลค่ากว่า 5,783 ล้านบาท รวมจำนวนผู้เสียหายที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิกว่า 7,000 ราย (4) ส่งทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินไปยังกระทรวงการคลัง รวมมูลค่ากว่า 332 ล้านบาท

ส่วนรายคดีสำคัญ 4.1.คดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติด อาทิ รายคดี น.ส.สุรีวรรณฯ กับพวก เป็นกรณีเส้นทางการรับโอนเงินเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด สืบสวนขยายผลพบความเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน และการฉ้อโกง อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายหลายรายให้ร่วมลงทุนซื้อเฟอร์นิเจอร์ และเป็นเครือข่ายการฟอกเงิน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 500 ล้านบาท , รายคดี นายฮุ้ยหวาง หวัง (MR.HUIHUANG WANG) กับพวก ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการสืบสวนขยายผลจากผู้กระทำความผิดจากกรณีการตรวจค้นสถานบันเทิง (ผับจินหลิง) พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มยาเสพติดมีการนำเงินไปใช้ในการประกอบกิจการสถานบริการ และสนับสนุนกลุ่มเครือข่ายชาวจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 53 ล้านบาท , รายคดี นายชัยณัฐร์ หรือ “ตู้ห่าว” กับพวก กรณีการตรวจค้นสถานบริการจินหลิง กรุงเทพฯ พบพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าชาวจีน มีการดำเนินการกับทรัพย์สินต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน พ.ค.66 ถึงปัจจุบัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 117 ล้านบาท

4.2 ความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อาทิ รายคดี นายณัฐวัตรฯ กับพวก กรณีเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ พบทรัพย์สินของกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิด รวมถึงทรัพย์สินของนางสาวธันยนันฯ (มินนี่) และเชื่อมโยงไปยังข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 109 ล้านบาท , รายคดี นายสง่าฯ กับพวก (เครือข่ายโกฟุก) ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ความผิดฐานอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงิน เคยมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้วกว่า 972 ล้านบาท และจากการสืบสวนสอบสวนพบข้อมูลการโอนผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิด โดยดำเนินการกับทรัพย์สินเพิ่มเติม มูลค่ากว่า 436 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 1,408 ล้านบาท , รายคดี นายภูมิพัฒน์ฯ กับพวก (อั้ม PSV) เครือข่ายเว็บไซต์พนันทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 76 ล้านบาท

4.3 ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน หรือฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อาทิ รายคดี นายชนินทร์ฯ กับพวก (กรณีหุ้น STARK) โดยนายชนินทร์ฯ เป็นประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีพฤติการณ์ตกแต่งงบการเงิน แสดงข้อความอันเป็นเท็จในข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน พร้อมนำงบการเงินดังกล่าวไปใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการเสนอขายหุ้นกู้ เป็นพฤติการณ์ความผิดฉ้อโกงประชาชนและความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 3,200 ล้านบาท , รายคดี “บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด” กับพวก พฤติการณ์ชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมธุรกิจ หรือลงทุนเพื่อจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ แต่ปกปิดเรื่องชักชวนให้ทำธุรกิจขายตรงทำให้ประชาชนที่เข้าร่วมธุรกิจไม่สามารถขายสินค้าหรือได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 1,018 ล้านบาท

บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ กับพวก กรณี น.ส.กรกนกฯ หรือ “แม่ตั๊ก” และนายกานต์พลฯ หรือ “ป๋าเบียร์” โฆษณาขายทองรูปพรรณพร้อมของแถม เพื่อจูงใจให้ผู้เสียหายตัดสินใจซื้อสินค้า แต่สินค้าไม่เป็นไปตามที่โฆษณา อันเป็นพฤติการณ์ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนฯ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 195 ล้านบาท , รายคดี นายบุญฯ กับพวก (หมอบุญ) กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนฯ ความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ พฤติการณ์จากการอาศัยความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับกิจการโรงพยาบาล นำเสนอแผนการระดมเงินทุน มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวังจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 362 ล้านบาท

รายคดี นายอภิมุขฯ กับพวก หรือ “บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน)” ซึ่งมีพฤติการณ์ทำคำสั่งซื้อขายหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE อันมีพฤติการณ์ เป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายประมาณ 5,000 ล้านบาท

4.4 ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร อาทิ รายคดี นายศุภกรฯ กับพวก สืบเนื่องจากการจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางร้านค้าออนไลน์ และมีการขยายผลตรวจสอบขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า และตรวจสอบเส้นทางการเงินพบบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดประมาณ 21 ล้านบาท

5.มุ่งมั่นทำหน้าที่ปกป้องระบบการเงินของประเทศให้ปลอดภัยจากการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งภายใต้กฎหมายไทย และมาตรฐานสากลของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการปฏิบัติทางการเงิน (FATF) ตลอดจนมติคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาติ

6.บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนภารกิจในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ผ่านการลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในประเทศตั้งแต่ ส.ค.67 – ส.ค.68 รวม 3 ฉบับ

7.ผลักดันการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศในรูปแบบความร่วมมืออ “ปปง. ภาคประชาชน” เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

8.เดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับหน่วยงานต่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเพื่อขจัดอุปสรรคในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยระหว่างเดือน ส.ค.67 – ส.ค.68 สำนักงาน ปปง. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ส่งผลให้ปัจจุบันมีการลงนาม MOU แล้วทั้งสิ้น 59 ฉบับ ครอบคลุม 56 ประเทศ/เขตอำนาจทั่วโลก

9.สร้างสรรค์นวัตกรรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานและการบูรณาการข้อมูล ที่เน้นความคุ้มค่าและคล่องตัว

10.สกัดกั้นภัยจากบัญชีม้าและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยสำนักงาน ปปง. ได้ใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อจัดการปัญหา บัญชีม้า และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างรุนแรง โดยใช้อำนาจตามกฎหมายในการประกาศ รายชื่อบุคคลเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง เพื่อจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ วันที่ 14 ส.ค.68 ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกาศรายชื่อบุคคลเสี่ยงแล้วจำนวน 93,530 รายชื่อ สามารถจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมในบัญชี ที่เกี่ยวข้องได้ถึง 843,912 บัญชี มีเงินคงเหลือในบัญชีม้ารวมทั้งสิ้นกว่า 3,024 ล้านบาทได้สำเร็จ

11.การดำเนินคดีอาญาฟอกเงิน โดยสำนักงาน ปปง. สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการร้องทุกข์-กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน รวมกว่า 160 คดี พร้อมสนับสนุนข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน

12.มุ่งขับเคลื่อนไปสู่องค์การที่มีขีดสมรรถนะสูงอย่างยั่งยืน โดยการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงานตามแนวทางสำนักงานสีเขียว (Green Office) การพัฒนาบุคลากรอย่างสอดคล้องกับสมรรถนะ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password