กรมศุลกากรจับกุมสินค้าผิดกฎหมาย รวมมูลค่ากว่า 88 ลบ.

“สุรชาติ” นำทีมกรมศุลกากรประกาศชัด! ตรวจเข้มทุกมิติ เผย! พบลักลอบนำเข้าเพียบ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่นอก/บุหรี่ไทย ตู้คีบตุ๊กตา เครื่องสำอางไม่มีใบอนุญาต และสินค้าละเมิดสิทธิ์เครื่องหมายการค้า เร่งสกัดกั้นสินค้าเข้าข่ายความผิดอนุสัญญาบาเซล ระบุ! มูลค่าการจับกุมและความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 88 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี, นายสุรชาติ เทียนทอง ผช.เลขานุการ รมว.คลัง และ นายพลนชชา จักรเพ็ชร ที่ปรึกษา รมว.คลัง เป็นประธานในการแถลงข่าว กรมศุลกากรจับกุมสินค้าผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 88 ล้านบาท พร้อมด้วย นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง น.ส.ดุจดาว คุณปิติลักษณ์ รักษาการผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นางฟ้า เลิศหงิม ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 1 กองสืบสวนและปราบปราม นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ

นายสุรชาติ กล่าวว่า ภายใต้นโยบายของ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้กำชับให้กรมศุลกากรดำเนินการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะใน เขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจในด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ทำให้ใน ช่วง 3 เดือนของไตรมาสที่ 3 ในปีงบประมาณ 2568 สามารถจับกุม บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 120,000 ชิ้น บุหรี่ต่างประเทศและบุหรี่ไทย 2,300,000 มวน ตู้คีบตุ๊กตา 200 ตู้ เครื่องสำอางไม่มีใบอนุญาต 17,000 ชิ้น สินค้ากระเป๋า รองเท้า หมึกเครื่องพิมพ์ ละเมิดสิทธิ์เครื่องหมายการค้าต่าง ๆ 9,000 ชิ้น รวมถึงสกัดกั้นสินค้าที่เข้าข่ายเป็นความผิดภายใต้อนุสัญญาบาเซล 1,300 ตัน โดยคิดเป็นมูลค่าการจับกุมและความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 88 ล้านบาท

ด้าน นายดิเรก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมศุลกากรได้ดำเนินการทำลายตู้คีบตุ๊กตาและส่วนประกอบที่ลักลอบนำเข้าโดยฝ่าฝืนกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 189 ตู้ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้วโดยวิธีบดทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมุนเวียนเข้าสู่ตลาดหรือถูกนำไปใช้ในลักษณะผิดกฎหมายอีกครั้ง
ทั้งนี้ กรมศุลกากร จะเดินหน้าปราบปรามการกระทำผิดทางกฎหมายต่อไปอย่างเข้มงวด โดยเร่งขยายการใช้เทคโนโลยี AI และเครื่องเอกซเรย์สำหรับตู้สินค้านำเข้าและส่งออก เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรร่วมกับตัวแทนสิทธิ์เครื่องหมายการค้าในไทย ทำการจับกุมสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบสินค้าและบริการต่าง ๆ ให้ละเอียด หากพบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับกรมศุลกากร สามารถติดต่อมาได้ที่สายด่วน 1164
นายสุรชาติ ยังกล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ ประกอบกับการทำงานเชิงรุก และมีมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง เป็นผลให้เกิดการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการที่สุจริต อันจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าของไทย และเพื่อภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจต่อนักลงทุนต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อปกป้องความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชนของประเทศ.


