‘ทวี สอดส่อง’ เปิดประชุมสัปดาห์ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน 2025 หนุนสิทธิแรงงานข้ามชาติ

รมว.ยุติธรรม เปิดการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียน “สัปดาห์ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน 2025″ หนุนความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนสิทธิแรงงานข้ามชาติ มุ่งเศรษฐกิจยั่งยืนเริ่มต้นที่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

วันนี้ (21 ก.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียน “ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบกับการเคลื่อนย้ายแรงงานในอาเซียน” (Regional Dialogue on Responsible Business and Migrant in ASEAN) ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 กรุงเทพมหานคร การประชุมนี้เป็นส่วนหนึ่งของ งานสัปดาห์ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Bangkok Business and Human Rights Week 2025) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-31 ก.ค.2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชน

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่าง กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และ ผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำ ได้แก่ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM), สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR), โครงการความร่วมมืออาเซียน – ออสเตรเลียเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (ASEAN – ACT), และ องค์การยุติธรรมนานาชาติ (IJM) ภายในงานมี ผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมอย่างคับคั่ง รวมถึง นายมูกิยานโต ซิปิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิทธิมนุษยชน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พร้อมด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศทั่วอาเซียน

รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม โดยเน้นย้ำถึง ความสำคัญของการหารือเรื่องสถานการณ์การเคลื่อนย้ายแรงงานในเชิงเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับมิติสิทธิมนุษยชนและบทบาทของภาคธุรกิจ รัฐมนตรีทวีชี้ว่านี่คือรากฐานสำคัญของการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาในศตวรรษที่ 21

อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก ด้วยประชากรกว่า 600 ล้านคน และแรงงานข้ามชาติกว่า 10 ล้านคนพ.ต.อ. ทวี กล่าวและว่า…”แรงงานเหล่านี้ไม่เพียงเป็นฟันเฟืองสำคัญทางเศรษฐกิจในภาคการผลิต บริการ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมส่งออก แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมโยงของภูมิภาค และเป็นสัญลักษณ์ของ ความเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางความหลากหลาย(Unity in Diversity) อันเป็นหัวใจของประชาคมอาเซียน  

อย่างไรก็ตาม รมว.ยุติธรรม ยอมรับว่า แรงงานข้ามชาติยังคงเผชิญกับความเปราะบางด้านสิทธิ ความไม่เท่าเทียม และการถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ การค้ามนุษย์ (Human Trafficking), การลักลอบขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย (Smuggling of Migrants), การลักลอบค้ายาเสพติด (Drug Trafficking) และ อาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime) ก่อนจะย้ำว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อสร้างกลไกป้องกันและช่วยเหลือแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภาคธุรกิจในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นพื้นฐานในการป้องกันการละเมิดสิทธิแรงงานและอาชญากรรมข้ามชาติ

ภาคธุรกิจในปัจจุบันไม่ได้ถูกประเมินจากผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกวัดด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน” นายทวี กล่าวและเสริมว่า “แนวคิดเรื่อง การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชนจึงเป็นมาตรฐานสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องยึดถือและดำเนินการ ภายใต้หลักการสากล อาทิ การตรวจสอบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Due Diligence) เพื่อป้องกันการใช้แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์, การสร้างการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Recruitment) และ การจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสม (Fair Wage), การไม่ข้องเกี่ยวกับเครือข่ายอาชญากรรมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)”

ในโอกาสนี้ รม.ยุติธรรม ยังได้เสนอ แนวทางความร่วมมือระดับภูมิภาค 3 ประการ เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในอาเซียน ได้แก่…

 * การสร้างมาตรฐานแรงงานอาเซียนร่วมกัน (ASEAN Labour Standards): เพื่อให้แรงงานทุกประเทศได้รับการคุ้มครองขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะทำงานในประเทศใด

 * การส่งเสริมธุรกิจที่มีความรับผิดชอบในอาเซียน (ASEAN Responsible Business Conduct): เพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจในภูมิภาคยึดหลัก UNGPs และตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานอย่างเข้มงวด

 * การบูรณาการเทคโนโลยีและระบบยุติธรรมเพื่อแรงงาน (Digital Justice for Migrant Workers): โดยใช้ Big Data, AI และแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้แรงงานสามารถร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น

พ.ต.อ. ทวี ย้ำว่า ประเทศไทยในฐานะผู้นำอาเซียนในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน และเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน มีความยินดีที่จะร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับประเทศสมาชิกอาเซียน

การดูแลและคุ้มครองแรงงานข้ามชาตินั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยไม่อาจทำสำเร็จได้โดยลำพัง ความร่วมมือในระดับภูมิภาคอาเซียน จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การประชุมฯ ในวันนี้ จึงถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เราได้ร่วมกันหารือถึงความท้าทาย ช่องว่าง และโอกาส ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการเคารพสิทธิของแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเชื่อว่าผลลัพธ์ของการประชุมฯ ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค อันจะนำไปสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนในอนาคต ต่อไปครับ” พ.ต.อ. ทวี กล่าวในที่สุด.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password