กรมศุลกากร ยึดไอซ์ 33.73 กก.จ่อส่งออกออสซี่ เผย! มูลค่าปลายทางกว่า 100 ลบ.

ที่ปรึกษาฯ กรมศุลกากร นำแถลงข่าวการตรวจยึดยาไอซ์ ซุกเครื่องกลึงโลหะ น้ำหนักรวมมากถึง 33.73 กก. เผย! เตรียมส่งออกไปออสเตรเลีย หากถึงประเทศปลายทาง มูลค่าจะขยับถึงกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรจัดงานแถลงข่าวการตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกไปประเทศออสเตรเลีย ซุกซ่อนมาในเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท โดยมี นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เป็นประธาน ร่วมด้วย นายเอกวุฒิ นาเอก ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พันตำรวจเอก ไพโรจน์ เขียวนรภัย ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรือโทศิรรินทร์ ชัยสินอัครยศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ

นางนันท์ฐิตา เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าและส่งออกยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยต่อสังคมและประชาชน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้สั่งการให้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ในทุกช่องทางการขนส่งสินค้า ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือในการควบคุมทางศุลกากร อาทิ การบริหารความเสี่ยง การเปิดตรวจทางกายภาพ และการตรวจสอบสินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ จนเมื่อวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. เวลา 16.00 น. กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายเอกวุฒิ นาเอก ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ทำการตรวจสอบสินค้าตามใบขนสินค้าขาออก สำแดงสินค้าเป็นเครื่องกลึงโลหะ เพื่อส่งออกทางเรือไปยังประเทศออสเตรเลีย

ผลการตรวจสอบ พบสินค้าเป็นเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 1 เครื่อง บรรจุในลังไม้ 1 ลัง และจากการตรวจสอบ ภาพเอกซเรย์ พบว่า มีความผิดปกติอยู่ภายในเครื่องกลึงโลหะ จากนั้นจึงทำการตรวจสอบทางกายภาพ พบวัตถุลักษณะเกล็ดขาว บรรจุอยู่ในห่อฟอยล์ จำนวน 26 ก้อน และบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 33.73 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ จึงนำตัวอย่างเกล็ดขาวต้องสงสัยมาทดสอบสารเสพติด โดยใช้ชุดทดสอบสารเสพติดเบื้องต้นมาร์ควิส (MARQUIS REAGENT) แสดงผลเป็นสีน้ำตาลและใช้เครื่อง Handheld Raman Spectrometer ตรวจสอบองค์ประกอบ พบเป็น Methamphetamine จึงสรุปผลการตรวจสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท

ซึ่งในกรณีนี้ เป็นความผิดฐานพยายามส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นความผิดตามมาตรา 244 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า กรมศุลกากร ได้ปฏิบัติงานเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า – ส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น รวมถึงตรวจยึดสินค้าอื่นที่ผิดกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสังคมให้ปลอดภัย และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพของประชาชนและความมั่นคงของรัฐเป็นอันดับแรก
สำหรับ สถิติในการจับกุมยาเสพติด ในปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 – 30 พ.ค. 2568 กรมศุลกากรสามารถจับกุมได้ 156 คดี มูลค่า 922.31 ล้านบาท.

