‘เอกนัฏ’ สั่งดำเนินคดีอาญา โรงงานสายไฟฟ้าลอบทำลายของกลาง
“เอกนัฏ” ส่ง “ทีมสุดซอย” ตรวจซ้ำ รง.สายไฟในสมุทรสาคร ที่เคยถูกดำเนินคดีแล้ว พบลอบทำลายของกลางสายไฟฟ้าไร้คุณภาพ สั่งฟัน 2 คดีอาญาทันที ย้ำ รง.สายไฟฟ้าต้องผลิตให้ได้มาตรฐานปลอดภัย ตรวจพบดำเนินคดีเด็ดขาด
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามมาตรการเข้มงวดโรงงานผลิตสายไฟฟ้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย จึงได้ส่งชุดตรวจการณ์สุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว. อุตสาหกรรม, นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผอ.กองตรวจการมาตรฐาน 1 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และเจ้าหน้าที่ สมอ. ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตสายไฟฟ้าที่ จ.สมุทรสาคร เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ถูกดำเนินคดีโทษฐานผลิตสายไฟฟ้าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และอยู่ระหว่างการดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ได้สั่งยึดอายัดสายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานไว้เกือบ 2,677 ม้วน มูลค่ากว่า 2.1 ล้านบาท
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นโดยทีมตรวจการณ์สุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า ของกลางสายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานที่ยึดอายัดไว้เมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา หายไปจากคลังสินค้าทั้งหมด ซึ่งผู้บริหารโรงงานอ้างว่าได้นำของกลางที่ถูกยึดอายัดไปทำลายหมดแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง มีเจตนาต้องการทำลายหลักฐานที่ต้องใช้ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนทางกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งผู้บริหารโรงงาน ขึงเทปพร้อมติดคำสั่งประกาศ ห้ามเคลื่อนย้ายสินค้าของกลางที่ถูกอายัดทั้งหมด จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลไว้ด้วย
”เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินคดีเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 141 และมาตรา 142 ฐานทำลายซ่อนเร้นหลักฐานทางคดีต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ“ รมว.อุตสาหกรรม ระบุ
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า ขอแจ้งเตือนโรงงานผู้ผลิตสายไฟฟ้าทุกรายต้องผลิตสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพราะทีมตรวจการณ์สุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ สมอ.จะสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าสินค้าที่ได้รับ มอก. มีความปลอดภัย และหากพบโรงงานใดมีเจตนาผลิตสายไฟฟ้าต่ำกว่ามาตรฐานจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดและติดตามอย่างต่อเนื่อง.