ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ผนึกกำลังตำรวจท่องเที่ยว และสถานทูตอังกฤษ ยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่องใช้ 155 สาขา ใน 18 จังหวัด เป็นศูนย์กลางเผยแพร่ข้อมูล สร้างความปลอดภัย ไร้กังวล ท่องเที่ยวไทยอย่างมั่นใจ

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น ได้ร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ โดยให้ร้านเซเว่นฯ เป็นจุดรับแจ้งเหตุช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในหลายพื้นที่สำคัญ และในครั้งนี้ บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยวและสถานทูตอังกฤษ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยร้านเซเว่นฯ จะเป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูลให้คำแนะนำเรื่องขับขี่ปลอดภัย ช่วยรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยได้อย่างกว้างขวาง ลดความเสี่ยง และสร้างความอุ่นใจให้ผู้มาเยือน

“ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จะเป็นช่องทางกระจายข้อมูล และคำแนะนำด้านความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน เช่น การปฏิบัติตามกฎหมายจราจร การสวมหมวกกันน็อค ไม่ขับขี่ในขณะมีอาการมึนเมา และการทำประกันอุบัติเหตุ เป็นต้น โดยจะติดโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเผยแพร่ผ่านจอของเครื่องชำระเงิน ( POS) นำร่อง 155 สาขา ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และใกล้เคียง 20 พื้นที่ ใน 18 จังหวัด ซึ่งถือเป็นโครงการต่อเนื่องที่เสริมสร้างความปลอดภัยจากการที่เซเว่น อีเลฟเว่นทำหน้าที่เป็นจุดรับแจ้งเหตุในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเซเว่น อีเลฟเว่น ในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่เพียงอำนวยความสะดวก แต่ยังส่งเสริมความปลอดภัย ปลูกฝังให้พนักงานมี DNA ในการช่วยเหลือสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับปณิธานองค์กร “Giving and Sharing” สร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างอบอุ่นและมั่นใจ

ด้าน พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ความร่วมมือภายใต้โครงการนี้ เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นของทั้ง 3 ภาคส่วน คือ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะภาครัฐ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะภาคเอกชน และสถานทูตอังกฤษ ซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศ ที่จะยกระดับความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวนี้

อุบัติเหตุทางถนน ถือเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบาด เจ็บและเสียชีวิต ปัจจัยส่วนใหญ่เกิดจากความไม่ชำนาญในการขับขี่ การไม่เข้าใจกฎหมายและสัญญาณจราจร และการไม่สวมใส่หมวกกันน็อค ซึ่ง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเองก็ได้ดำเนินมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางถนนสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจกำชับผู้ประกอบการร้านเช่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้ปฏิบัติ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เช่าเป็นสำคัญ รวมไปถึง การสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ขับขี่รถนำเที่ยวและรถโดยสารสาธารณะด้วย โครงการนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งในมาตรการ เพื่อประชาสัมพันธ์คำแนะนำเรื่องการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยให้แก่นัก ท่องเที่ยวต่างชาติผ่านสถานที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายอย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และผลจากโครงการนี้ เชื่อว่าจะทำให้เกิดความตระหนักรู้และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี

ด้าน นางโจแอน ฟินนามอร์-ครอร์คิน กงสุลอังกฤษ ประจำสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถือเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สถานทูตให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ การร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยวและ 7-Eleven ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยในการขับขี่ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มักมีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมาก

“จากสถิติปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวอังกฤษเดินทางมาประเทศไทยกว่า 870,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอังกฤษ ความสำเร็จของโครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นและรู้สึกปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว” กงสุลอังกฤษ กล่าว

โครงการความร่วมมือยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษนี้ นับเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ฐานะตัวแทนภาครัฐของอังกฤษที่จะทำงานร่วมกันกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของไทย เพื่อยกระดับความร่วมมือในการดูแลนักท่องเที่ยวอังกฤษ และเพื่อสนับสนุนความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยให้กับชาวอังกฤษอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในระยะยาวต่อไป.