‘ตร.-ทนายฯ’ วอนผู้เสียหายแจ้งความเพิ่ม ชี้! ‘คดีดิไอคอน’ ขยายวงกว้างถึงนักการเมือง-พระสงฆ์
คดี “ดิไอคอน” บานปลายขยายวงกว้างถึง “คนดัง-พระเด่น” ด้าน บก.ช. แจง 4 วัน (10-13) สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว 635 คน รวมมูลค่าเสียหายกว่า 230 ล้านบาท วอนผู้เสียหายแจ้งความเพิ่มเติมผ่านสายด่วน 1599 ด้าน “ทนายเดชา” จ่อแจ้งความจับ “พระชื่อดัง (ว.)” หลังพบคลิปชวนลูกศิษย์ร่วมลงทุนบริษัทฉาว เผย! นักการเมืองดัง ถอยกรูดหลังได้รับติดต่อวิ่งเต้นล้มคดี เหตุเรื่องแดงเกินต้านไหว
รายงานข่าวจาก กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก หรือ CIB) แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการคดีดิไอคอน โดยระบุว่า บช.ก.ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ บช.ก. ระหว่างวันที่ 10-13 ตุลาคม 2567 รวมจำนวน 635 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 232.4 ล้านบาทเศษ ดังนี้
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 91 ราย มูลค่าความเสียหาย 35.4 ล้านบาทเศษ
วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 148 ราย มูลค่าความเสียหาย 54.7 ล้านบาทเศษ
วันที่ 12 ตุลาคม 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 198 ราย มูลค่าความเสียหาย 71.9 ล้านบาทเศษ
วันที่ 13 ตุลาคม 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 198 ราย มูลค่าความเสียหาย 70.4 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียหายและความเสียหายรวมอาจไม่ตรงกับที่ได้มีการแจ้งข้อมูลไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากตรวจสอบแล้วผู้เสียหายบางรายขอเดินทางกลับไปแจ้งที่ภูมิลำเนา จึงมีการปรับปรุงตัวเลข ซึ่งขณะนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเตรียมรับมอบคำให้การจากสถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อนำมาประกอบข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่คาดว่าจะส่งมาถึงในวันเปิดทำการ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567
โดยในวันนี้ (14 ตุลาคม 2567) นายกรรชัย กำเนิดพลอย และ นายกัน จอมพลัง เดินทางมาที่ศูนย์รับแจ้งเหตุการหลอกลงทุนฯ โดยพาผู้เสียหายมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อีกทั้ง นายบอย ปกรณ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะขออยู่ในฝั่งผู้เสียหาย โดยจะนำผู้เสียหายในส่วนของตนมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วย
ขณะเดียวกัน พล.อ.อ. นพ. อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ได้เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายฐานานนท์ หรือ “บอสหมอเอก” หนึ่งในทีมผู้บริหาร “บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด” ที่อ้างว่าตนเป็นแพทย์ แต่จากการสืบค้นข้อมูลและข้อเท็จจริงพบว่า “บอสหมอเอก” เป็นแค่นักประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ และใบประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ก็หมดอายุแล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.อ. นพ. อิทธพร ระบุว่า ตนในฐานะ “เลขาธิการแพทยสภา” ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับ “บอสหมอเอก” ในความผิดฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 หลังจากพบว่ามีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ “บอสหมอเอก“ ทำทีเหมือนกับตรวจคนไข้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการตรวจโดยที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือเป็นการสร้างวิดีโอขึ้นมาเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย ในวันนี้ จึงนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจำนวน 1 คลิป มาประกอบการแจ้งความด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากฐานข้อมูลแพทยสภา พบว่า “บอสหมอเอก” ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด ต่อจากนี้ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกมาดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ บช.ก. โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ตลอดจน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทุกนาย อยู่ระหว่างเร่งรัดการรวบรวมข้อมูลทั้งจากการสอบปากคำผู้เสียหาย ข้อมูลจากฝ่ายสืบสวน และข้อมูลจากวัตถุพยานต่างๆ และเมื่อได้รับการสอบปากคำผู้เสียหายจากสถานีตำรวจทั่วประเทศแล้วจะรีบดำเนินการและแถลงความคืบหน้าในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอแจ้งประชาสัมพันธ์กรณีมีข้อสงสัย ต้องการแจ้งเบาะแส ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับกรณีหลอกลวงขายทองรูปพรรณ ของ น.ส.กรกนก-นายกานต์พล และกรณีการขายตรงของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป สามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วน 1599
ด้าน “บอสพอล” หรือ “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” เจ้าของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป กล่าวร่ำไห้ต่อหน้าผู้เสียหาย ตอนหนึ่งขณะออกรายการดัง “โหนกระแส” ก่อนจะกล่าวว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนจากไอคอนเฮลท์ เรื่องการมีปัญหาในการทำธุรกิจ แต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องถึงขั้นมีคนฆ่าตัวตาย พร้อมขอโทษ ถ้ารู้จะไม่ยอมให้เกิดเรื่อง อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมจะรับผิดชอบและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น แม้จะไม่เหลือเงินเลยก็ตาม
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ “บอสพอล” ได้พยายามติดต่อนักการเมืองบางคน เพื่อหวังให้วิ่งเต้นล้มคดีแลกกับการยอมทำตามข้อตกลงบางอย่างที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งเจ้าตัวได้ยอมรับในเวลาต่อมาว่า มีการติดต่อพุดคุยกับนักการเมืองคนดังกล่าวจริง แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกการวิ่งเต้นฯกันไป เนื่องจากเป็นคดีดังที่อยู่ในความสนใจของสังคมไทย และมีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” ในเรื่องคดีดังกล่าว และได้ให้สัมภาษณ์ “หมาแก่” นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ในวันเดียวกันว่า ตนจะเดินหน้าแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับ “พระสงฆ์ชื่อดัง” รูปหนึ่ง (ชื่อย่อ ว.) ที่ก่อนหน้านี้มีคลิปออกตัวเชียร์ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ลักษณะชักชวนให้มาร่วมธุรกิจ ทั้งเจ้าตัวที่มีผู้ศิษย์ลูกหามากมาย ยังบอกสำทับด้วยว่า “จะรวยพรุ่งนี้ไปเป็นนักขาย” ซึ่งตรงนี้ทาง “แพรรี่ ไพรวัลย์” ได้ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะเป็นพระต้องสอนให้คนไม่โลภ
อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเอาผิดกับบรรดา “บอสต่างๆ” ของ “ดิไอคอน กรุ๊ป” เสียก่อน จากนั้น ตนและผู้เสียหายจะได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับ “พระสงฆ์ชื่อดัง” (ชื่อย่อ ว.) รูปนั้น ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้สังคมไทยมองว่า คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่ง หรือแม้แต่เป็นพระสงฆ์จะไม่สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ ซึ่งหากได้ทำผิดและพิสูจน์ได้ถึงการทำความผิด ก็สมควรจะต้องแจ้งความดำเนินคดีได้เหมือนฆราวาสทั่วไป พร้อมกันนี้ ยังเชิญชวนให้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์โดยเร็ว.