บสย. – อีซูซุ ร่วมหารือค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ

บสย.ร่วมหารือกับ ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ แนวทางการสนับสนุนสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ผ่านการค้ำประกันสินเชื่องของ บสย. และทิศทางด้านตลาดรถกระบะและอุตสาหกรรมยานยนต์

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ และทีมงาน ร่วมหารือกับ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด นำโดย นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ นายทาคาชิ มิยาจิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง พร้อมทีมงาน ร่วมประชุมและหารือถึงแนวทางการสนับสนุนสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์อุตสาหกรรมการผลิต ทิศทางด้านตลาดรถกระบะ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะของ บสย. เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 ณ ศูนย์การเรียนรู้ TCG Learning Center อาคารชาญอิสสระ 2

นายสิทธิกร กล่าวว่า ปัจจุบัน บสย. สามารถค้ำประกันสินเชื่อลีสซิ่งกับสถาบันการเงินและ Non-Bank ที่สถาบันการเงินถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50% ตามประกาศของกระทรวงการคลัง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บสย. ได้เตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการซื้อรถกระบะคันใหม่เพื่อใช้ในการทำธุรกิจ ขนส่งและค้าขาย หรือการใช้เชิงพาณิชย์ รวมทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อ (Approval rate) ผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย. นอกจากนี้ ยังเป็นการขานรับนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนภาคธุรกิจขนาดเล็ก และกระตุ้นตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดปีนี้

ด้าน นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกับ บสย. โดยเฉพาะการเข้ามาค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง และจะช่วยให้ภาพรวมตลาดรถกระบะขยายตัวขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมตลาดรถยนต์ในไทยโดยรวมหดตัว ทั้งในแง่การผลิตเพื่อขายในประเทศและการผลิตเพื่อการส่งออก โดยในเดือนมกราคม 2568 รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดผลิตทั้งหมด 70,604 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ม.ค.2567) 18.65%

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สะท้อนการเติบโตเศรษฐกิจภายในประเทศ ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา การผลิตเพื่อขายในประเทศและการส่งออกสัดส่วนอยู่ที่ 50:50 แต่ปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่าตลาดในประเทศหดตัว ทำให้การผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงเหลือ 31% และส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 69% ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะรถกระบะ 1 ตัน ที่เป็นฐานการผลิตใหญ่ที่สุดของโลก ยานยนต์มีสัดส่วนต่อ GDP ไทยถึง 18% (ข้อมูลปี 2566 จากสถาบันยานยนต์) และมีการจ้างงานกว่า 850,000 ตำแหน่ง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ  

“ปัจจุบันยอดผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทจากฐานการผลิตของไทยมีจำนวน 1.477 ล้านคัน (ขายในประเทศ+ส่งออก) เป็นสัดส่วนการผลิตรถกระบะ 1 ตันเกือบ 50% หรือกว่า 7.3 แสนคัน นั่นหมายความว่ารถกระบะยังเป็นโพรดักส์ แชมมเปี้ยน ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สำหรับอีซูซุและผู้ผลิตรถกระบะรายอื่น ๆ ปัจจุบันมีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ หรือ Local content มากกว่า 90% แสดงให้เห็นว่า การผลิตรถกระบะทั้งซัพพลายเชนอยู่ที่ประเทศไทย ไทยคือฐานผลิตใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถกระบะหดตัวต่อเนื่อง ปี 2566 การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 28% ส่งออก 72% และปี 2567 การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 20% การส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 80% และในปีนี้แนวโน้มตลาดยังคงซบเซาต่อเนื่อง แต่เมื่อภาครัฐมีมาตรการด้านการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย. ก็เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคได้มากขึ้น” ผู้บริหาร อีซูซุ กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password