“รองปลัดกระทรวงพาณิชย์” จับมือห้างดังกระตุ้นเศรษฐกิจ เสริมแกร่งผู้ประกอบการชุมชนผ่านมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ระหว่าง 16 ม.ค. – 28 ก.พ.นี้ นำไปหักลดหย่อนภาษีฯตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เชื่อ! กระตุ้นกำลังซื้อและเพิ่มยอดขาย ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลัง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมห้างโลตัส สาขาพระรามสี่ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการตามนโนบายรัฐบาลและนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส” มาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพี่น้องประชาชนได้มีการกำกับดูแลให้ความเป็นธรรมด้านราคาและปริมาณสินค้าและบริการ ในส่วนของเกษตรกรและผู้ประกอบการก็ได้มีการสนับสนุนในหลากหลายรูปแบบ โดยสินค้าสำคัญกลุ่มหนึ่งที่มีการสนับสนุน คือ สินค้าชุมชน หน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ได้มีการส่งเสริมในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การสร้างและใช้ประโยชน์จากอัตลักษณ์สินค้า การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ การสนับสนุนช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ตลอดจนการเจรจาจับคู่ธุรกิจและการเชื่อมโยงสินค้าไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้า ในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อรัฐบาล โดย กระทรวงการคลัง กำหนดให้มีมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ที่ให้ บุคคลธรรมดาที่มีหน้าที่เสียภาษีนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2568 ได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น สินค้าทั่วไป 30,000 บาท และสินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชนหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม 20,000 บาท ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้เน้นย้ำให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้า รวมทั้งห้าง ดูแลราคาสินค้าและบริการและจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้จำเป็นต่างๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

“ในส่วนของ ห้างโลตัสและแม็คโครได้มีการแยกสินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจชุมชนหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม ออกมาจัดวางให้เห็นชัดเจน และเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาวางจำหน่ายในห้างด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะสินค้าชุมชน อันเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมด้วย” ร้อยตรีจักรา กล่าว.