‘พาณิชย์’ ตรวจเข้มตลาด! ช่วง ‘กินเจ’ ย้ำห้ามขาด-แพง  เผย! พบ ‘อาหาร-ผักสด’ ขายราคาปกติ

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผย “พิชัย นริพทะพันธุ์” กำชับให้ดูแลราคาและปริมาณสินค้า “ห้ามขาด ห้ามแพง” ล่าสุด มอบหมายให้ลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดกรุงเทพและปริมณฑลช่วงเทศกาลกินเจ สั่งกรมการค้าภายในสำรวจตลาดรังสิต พบประชาชนจับจ่ายใช้สอยคึกคัก ส่วนราคาและปริมาณของผักสดและอาหารสดปรุงสำเร็จ อยู่ในเกณฑ์ปกติและมีเพียงพอ เจอแบ่งขายผักบางรายการในราคาประหยัด

นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ “โฆษกกระทรวงพาณิชย์” กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมตลาดรังสิตเมื่อช่วงสายวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ว่า จากการลงพื้นที่สำรวจราคาและปริมาณสินค้าในตลาดสด ช่วงเทศกาลกินเจระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคมนี้ เป็นไปตามโครงการ “พาณิชย์จัดให้ ลดราคา เทศกาลกินเจ อิ่มบุญราคาประหยัด” โดยร่วมกับ สมาคมตลาดสด นางขจรศรี สีม่วง ผู้จัดการสมาคมตลาดสดไทย และ างสาวสุดารัตน์ ชินวิรารัตน์ ผู้จัดการตลาดสดรังสิตและพันธมิตรต่างๆ เพื่อดูแลผู้บริโภคในช่วงเทศกาลกินเจ และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงกินเจให้ซื้อได้ในราคาประหยัด จึงได้ลงพื้นที่ตลาดรังสิต ซึ่งเป็นตลาดในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พบวัตถุดิบและเครื่องปรุงประกอบอาหารเจ ราคาลดลง และส่วนใหญ่ทรงตัว อาทิ เห็ดหอมธรรมชาติ ฟองเต้าหู้ ดอกไม้จีน โปรตีนเกษตร และซอสปรุงรสประเภทถั่วเหลืองต่างๆ ไม่มีการปรับราคาเพิ่มแต่อย่างใด ในส่วนของอาหารสดปรุงสำเร็จที่เป็นเมนูเจ ในตลาดรังสิต ราคาเริ่มต้นที่ 30-40 บาท 

ในส่วนของ ผักสด มีการขายปลีก คะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักกาดขาว มะเขือเทศ และมะนาว ราคาลดลงจากปีก่อน ขณะที่ แตงกวา ฟักเขียว หน่อไม้และข้าวโพด ราคาทรงตัวเท่ากับปีก่อน โดยในตลาดนี้ มีการจัดแบ่งขายเป็นกำ ขายในราคาประหยัด อาทิ ผักบุ้งจีน คะน้า ต้นหอม ชุดเครื่องต้มยำ กำละ 10 บาท เป็นต้น

“นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีการตั้งจุดตรวจตราชั่งมาตรฐาน ภายในตลาดรังสิต เพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจว่าซื้อราคาที่ถูกต้องแล้วยังได้น้ำหนักที่ครบถ้วน จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคประชาชนทุกท่านมาร่วมจับจ่ายใช้สอยในตลาดรังสิต และนอกจากนี้จะได้มีการลงพื้นที่สำรวจในตลาดอื่นๆ อีกในกทม. และปริมณฑล ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจและออกมาจับจ่ายใช้สอย และ หากพบเห็นความผิดปกติในด้านราคาและปริมาณสินค้า สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน นายวิทยากร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนประชาชนได้รับเงินรัฐหนึ่งหมื่นบาท มีส่วนกระตุ้นในการจับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างดี ทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้มาสำรวจตลาดในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ก็พบว่า ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก ก็เป็นการหมุนเวียนเงินในระบบ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เอง  มีหน้าที่กำกับดูแลราคาไม่ให้เกิดความผิดปกติโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ  สั่งการให้กรมการค้าภายในมีการติดตามอย่างใกล้ชิด และได้พูดคุยกับสมาคมที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์ไม่ให้สินค้าขาดแคลน 

“จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวคาดว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจ 2,250 ล้านบาท ลดค่าของชีพให้กับประชาชนได้กว่า 750 ล้านบาท โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและสอดรับกับโครงการเงินดิจิตอลของรัฐบาล อีกด้วย” โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password