“ภาคเอกชน”ขอ รบ.ใหม่ อย่าใจร้อนขึ้นค่าแรง หวัง 100 วันแรก “ลดค่าไฟ-น้ำมัน”
นายกฯกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ขอ รัฐบาลชุดใหม่ อย่าใจร้อนขึ้นค่าแรง ชี้ ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม หวัง 100 วันแรก ช่วย “ลดค่าไฟ-น้ำมัน” อุ้มทุกภาคส่วน
วันที่ 10 ก.ย.2566 นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภาระเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจโดยรวมเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง แต่เมื่อพิจารณาในเรื่องปลีกย่อยต้องดูว่าการเติมกำลังซื้อในทุกเซกเตอร์ หรือภาคประชาชนต้องมีกำลังซื้อ สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ผ่านมาตรการด้านการเงินและการคลัง ซึ่งรัฐบาลต้องหาช่องทางให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่านวิธีการต่างๆ
นายอธิป กล่าวว่า เพราะการใช้เงินโดยตรงกับภาคต่างๆ ก็ไม่แน่ใจเรื่องงบประมาณปี 2567 ยังไม่ได้ดำเนินการจนถึงที่สุด แต่เมื่อประเทศไทยกำลังเข้าช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) วิธีการที่เคยใช้ในอดีตคือ 1.เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยว โดยใช้มาตรการเที่ยวด้วยกัน 2.การกระตุ้นการบริโภค ด้วยมาตรการคนละครึ่ง สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้เลย โดยใช้งบประมาณไม่มากแต่สามารถหมุนเวียนเศรษฐกิจได้ทันที
ทั้งนี้ ปัจจัยที่เป็นห่วงคือภาคการส่งออกที่หดตัวลงและจะทำอย่างไรให้ดีดตัวขึ้นมาได้ ซึ่งคาดว่ารัฐได้พูดคุยกับภาคเอกชนโดยตรง เพราะการส่งออกประจำ เช่น สหรัฐ จีน ยุโรป เข้าใจว่ามีลักษณะไม่เหมือนกัน โดยจีนมีปัญหากับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้นการที่จีนจะนำเข้าสินค้าจากไทยอาจเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ซึ่งไทยต้องหาวิธีการโปรโมทสินค้าไปจีน ขณะเดียวกัน การส่งออกไปยุโรปลดลง ขณะที่ไทยไม่มีสัญญาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสหรัฐ แต่ยังผลักดันให้เกิดการส่งออกมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสิ่งเหล่านี้รัฐต้องพูดคุยกับเอกชนเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน
@ขอรัฐอย่าใจร้อนขึ้นค่าแรง
นายอธิป กล่าวว่า ด้านนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ เป็นข้อกังวลของเอกชน ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมต่อการปรับขึ้นค่าแรงงาน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่ไม่ได้ขยายมากขึ้นเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจรายย่อย (เอสเอ็มอี) ก็มีปัญหาหนี้ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม อาจจำเป็นต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง และพิจารณาว่าสอดคล้องกับแนวทางการเพิ่มอัตราขั้นต่ำร่วมกับเอกชน ซึ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ ในแต่ละภูมิภาคและจังหวัดนั้นไม่สามารถเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำระดับเท่ากันได้ เพราะถ้าเพิ่มเท่ากันจะเกิดปัญหาการอพยพแรงงาน เมื่อพื้นที่หนึ่งมีงาน และที่หนึ่งไม่มีงาน จึงเกิดการย้ายการทำงานมากขึ้น ขณะที่ถ้าขึ้นค่าแรงงานในระดับที่ไม่เท่ากันจะทำให้แรงงานอยู่ที่เดิมได้ และยังมีการจ้างงานต่อเนื่อง
“ในความเป็นจริงขณะนี้มีการจ้างงานดีกว่าไม่มีการจ้าง อยากให้ยึดหลักที่ว่าทำอย่างไรคนที่ทำงานอยู่แล้ว นายจ้างสามารถจ้างได้ จึงอยากฝากรัฐบาลให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ ดูในเรื่องการปรับค่าแรง เพราะมองว่ายังมีเวลา แต่ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” นายอธิปกล่าว
@หวัง 100 วันแรกลดค่าไฟ-น้ำมัน
“เรื่องราคาค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันเห็นอยู่แล้วว่าต้องปรับลง เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป เนื่องจากมีผลกระทบต่อภาคเอกชน และประชาชนทั้งสิ้น ซึ่งในความเป็นจริงต้นทุนการผลิตของภาคเอกชนก็มีเรื่องค่าพลังงานเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นหลักด้วย ดังนั้น เรื่องนี้รัฐบาลต้องหาวิธีการแก้ไข แต่จะแก้ไขด้วยวิธีการอย่างไร ก็ยังไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ประเด็นคือต้องมีวิธีการแก้ไขระยะสั้นให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด หากสามารถทำได้ใน 100 วันแรกของการทำงานได้ก้เป็นเรื่องดี ทำได้เท่าไหร่ก็ดีกว่าไม่ทำ เพราะราคาทุกอย่างที่แพงขึ้นนั้น ถ้ารัฐสามารถลดลงได้ก็จะเข้าไปช่วยเสริมเรื่องสภาพคล่องให้กับประชาชนและเอกชนมากขึ้น”นายอธิปกล่าว
@เชื่อรัฐบาลผสมเดินหน้าได้
“การทำงานร่วมกันของคณะรัฐบาลใหม่ที่มาจากหลายพรรคการเมือง นั้น เชื่อว่าถ้ารัฐบาลมีความมุ่งหมายเดียวกันคงทำงานไม่มีปัญหา หากมองโลกในแง่ดี ทุกคนที่เข้ามารับผิดชอบต้องมีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเข้ามารับผิดชอบ ขณะเดียวกัน ต้องให้เวลาในการปฏิบัติงาน ถึงจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าทำแล้วเป็นอย่างไร ถ้าวิจารณ์ตั้งแต่ต้นว่าคนนี้ไม่น่าทำได้ หรือคนนี้น่าจะทำได้ดีกว่าก็อาจจะไม่ยุติธรรม ตอนนี้ต้องมองโลกในแง่ดีก่อนว่าทุกคนที่รับผิดชอบมีความสามารถ สำหรับสิ่งที่อยากนำเสนอคือรัฐบาลต้องพยายามคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเยอะๆ กับทั้งเอกชนและคนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องมากที่สุด จากนั้นมาร่วมกันทำความเข้าใจว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ” นายอธิปกล่าว