เอกชนขอคนรุ่นใหม่-เก่าเก๋าเกมนั่ง 6 กระทรวงเศรษฐกิจ ดึงเชื่อมั่นต่างชาติเข้าลงทุน

ภาคเอกชนขอคนรุ่นใหม่-คนเก่าเก๋าเกมนั่งเก้าอี้ บริหาร 6 กระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ “อุตสาหกรรม-พาณิชย์-พลังงาน-คมนาคม-คลัง-เกษตรฯ เพื่อพลิกฉมหน้ารัฐบาลใหม่ ดึงความเชื่อมั่นต่างชาติเข้าลงทุน

วันที่ 20 พ.ค.2566 นายอาคม สุวรรณกันธา รองประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ตามไทม์ไลน์ที่กำหนดในเดือนสิงหาคมหรือไม่นั้น มองว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไป เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบเรื่องความเชื่อมั่นสำหรับการค้า การลงทุน เพราะนักลงทุนประเมินเสถียรภาพผู้นำ หรือรัฐบาลที่เกิดขึ้น

ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน และรอการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ อีกทั้งนักลงทุนจะพิจารณาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงหลัก 6 กระทรวง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก็มีผลในการตัดสินใจลงทุ

“ถ้าการรอจัดตั้งรัฐบาลให้ยืดเยื้อมากขึ้น หรือยิ่งจัดตั้งได้ช้ามากเท่าไหร่ โอกาศเรื่องความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย หากการโอนถ่ายรัฐบาลหนึ่งสู่รัฐบาลใหม่ล่าช้ามากกว่าเดิมจะทำให้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว ซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจ” นายอาคมกล่าว

ขณะเดียวกัน หลังจัดตั้งรัฐบาล และมีการประกาศชัดเจนถึงผู้ที่จะมานั่งดำรงตำแหน่งใน 6 กระทรวงเศรษฐกิจ มองว่าจากการจัดตั้งรัฐบาลผสม ผู้จะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดังกล่าวจะเฉลี่ยกันออกไปจากผู้นำของพรรคการเมืองเสียงข้างมาก เนื่องจากคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย มีคะแนนเสียงสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ดังนั้น จะเห็นคนรุ่นใหม่กับคนที่มีประสบการณ์ในด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผสมผสานกัน หากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ล้วนๆ ก็อาจได้ภาพเกี่ยวข้องกับการเชื่อมั่นระหว่างประเทศ แต่ว่าถ้ามีกลุ่มคนมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจากผลงานเดิมเป็นหัวเรือหลัก หรือเข้าร่วมด้วยจะสร้างความเชื่อมั่นต่างประเทศมากขึ้น

“อย่างไรก็ตาม บางประเด็นของกระทรวงต่างๆ จะมีความละเอียดอ่อน หากต้องต่อรองกับระหว่างประเทศ การตัดสินใจทำนโยบายขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ อาจจะต้องมีพี่เลี้ยงก่อน ซึ่งการจัดตั้งไม่มีความน่าเป็นห่วง เพราะว่าการตั้งรัฐมนตรีช่วย หรือที่ปรึกษารัฐมนตรี จะเห็นภาพความกลมกลืนและความผสมผสานกัน” นายอาคมกล่าว

นอกจากนี้ หอการค้าภาคเหนือ รวมถึงหอการค้าภาคใต้ใน 17 จังหวัด จะเตรียมประเด็นต่างๆ เสนอเข้าที่ประชุมของหอการค้าไทย ที่จะมีการประชุมในวันที่ 5-6 สิงหาคมนี้ ซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่เตรียมไว้แล้ว 3 ประเด็นหลัก อาทิ 1.การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ถูกแช่แข็งมานาน ทำให้เศรษฐกิจภาคเหนือและเชียงใหม่ไม่ฟื้นตัว

เช่น โครงสร้างพื้นฐานรถไฟความเร็วสูง เรื่องการสร้างสนามบินแห่งที่ 2 และการขนส่งมวลชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ที่จะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่พยายามสร้างระบบขนส่งให้ดีขึ้น โดยจะเร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐานที่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดเงินหมุนเวียนมากขึ้น รวมถึงสนับสนุนให้มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้มากขึ้น

2.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC) โดยภาคเอกชนจะสานต่อและเป็นแกนหลักในการพัฒนา 17 จังหวัด แต่โครงการจะเริ่มพัฒนาที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ในโครงการ NEC – Creative LANNA ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการค้าชายแดนที่เชื่อมโยงกับประเทศจีน และ 3.กระตุ้นการค้าชายแดน หรือการค้าระหว่างประเทศ เป็นส่วนสำคัญที่นำจุดขาย

และจุดแข็งของภาคเหนือที่มีอยู่ 4 ด้าน หรือเรียกว่า 4C อาทิ 1.แคร์ (Care) หรือบริการสุขภาพผู้สูงอายุ 2.คลีน (Clean) หรือพลังงานสะอาด 3.คอนเน็ก (Connect) หรือการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมให้เกิดขึ้น และ 4.ครีเอทีฟ (Creative) หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสในด้านต่างๆ ให้ยกระดับคุณภาพดียิ่งขึ้น

“ซึ่งจากการนำเสนอทั้ง 3 ด้านนี้จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจในภาคเหนือให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้นตามยุทธศาสตร์การดำเนินงานหลักๆ โดยจะผลักดันผ่านการส่งเรื่องถึงหอการค้าไทย และให้เรื่องเข้าถึงคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ระดับประเทศต่อไป” นายอาคมกล่าว

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password