กรมสรรพากร ขยายมาตรการภาษี 2 ระบบ ช่วยเอกชน ลดต้นทุน เพิ่มกระแสเงินสด

กรมสรรพากร ขยายเวลา มาตรการภาษี เพื่อส่งเสริม ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice & e-Receipt และ e-Withholding Tax ช่วยเหลือ ภาคเอกชน ลดต้นทุน ภาระในการจัดทำเอกสาร เพิ่มกระแสเงินสด

วันที่ 24 ม.ค.2566 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ 2 มาตรการ ให้ภาคเอกชนใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และ e-Withholding Tax ในการทำธุรกรรมระหว่างกัน และการทำธุรกรรม กับ ภาครัฐ อันจะส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ การแปลงเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ด้านนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดย กรมสรรพากร ตระหนักถึงความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีและการให้บริการผู้เสียภาษี รวมถึง การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) ดังนี้

1.มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ให้บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักรายจ่ายการลงทุนในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Withholding Tax รวมถึงหักรายจ่ายค่าบริการระบบดังกล่าวได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายจริง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568

2.มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) โดยลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตราร้อยละ 5 อัตราร้อยละ 3 และอัตราร้อยละ 2 เหลืออัตราร้อยละ 1 สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ e-Withholding Tax ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นการช่วยภาคเอกชน ในการลดต้นทุนและลดภาระในการจัดทำและการจัดเก็บเอกสาร รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้ผู้ประกอบการมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาดำเนินมาตรการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ปีละประมาณ 9,800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินที่หมุนเวียนเพิ่มมูลค่าให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password