‘พาณิชย์’ นำทัพสินค้าไทยลุยงาน CIIE 2025 เซี่ยงไฮ้ ขน 60 บริษัทโชว์ศักยภาพ ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 220 ลบ.

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นำผู้ประกอบการไทยร่วมงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน “CIIE 2025” ที่นครเซี่ยงไฮ้ พร้อมเปิด “ศาลาไทย” โปรโมตอัตลักษณ์ไทยในมิติ Soft Power ทั้งอาหาร ไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยว และโอกาสการลงทุน ตั้งเป้าสร้างมูลค่าการค้าไม่น้อยกว่า 220 ล้านบาท

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติ นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 โดยมีนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้นำระดับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจากนานาประเทศเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ในการเข้าร่วมงานปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้นำผู้ประกอบการไทยจากกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่มีศักยภาพจำนวน 60 บริษัท เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและเจรจาการค้า บนพื้นที่รวมกว่า 640 ตารางเมตร โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าการเจรจาการค้าไม่น้อยกว่า 220 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาดสินค้าไทยสู่ผู้บริโภคจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจระดับโลก
ปีนี้ประเทศไทยยังได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งใน ประเทศแขกเกียรติยศ (Honorable Country) ร่วมกับอีก 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์เจีย สวีเดน โคลอมเบีย และไนจีเรีย โดยไทยได้จัดนิทรรศการ “ภาพลักษณ์ประเทศไทย” บนพื้นที่ 252 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “The Nexus – 5 ทศวรรษแห่งความสัมพันธ์ไทย–จีน” เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ พร้อมนำเสนอศักยภาพของสินค้าและบริการไทยในหลากหลายมิติ
นิทรรศการดังกล่าวออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจาก “ศาลาไทย” อันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยที่ผสมผสานศิลปะและวัฒนธรรมเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่ ภายในประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงหลัก 4 โซน ได้แก่ Thai Taste นำเสนอความโดดเด่นของอาหารไทยแท้จากร้าน “Thai SELECT” และผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูง รวมถึงนวัตกรรมจากข้าวไทยและผลไม้เมืองร้อน, Thai Style จัดแสดงผลงานจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ได้รับรางวัล DEmark Award, T Mark และ PM Award ตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก, Thai Experiences ถ่ายทอดเสน่ห์และเอกลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยภายใต้แนวคิด “Amazing Thailand” ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์แห่งวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด และ Thai Vision ซึ่งนำเสนอข้อมูลด้านโอกาสทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือในอนาคต โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมสนับสนุนเต็มรูปแบบ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า “การเข้าร่วมงาน CIIE ไม่เพียงช่วยเปิดประตูการค้าให้สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่ Soft Power ของไทยในทุกมิติ ทั้งอาหาร วัฒนธรรม การออกแบบ และการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชีย”
งาน CIIE ถือเป็นหนึ่งในเวทีแสดงสินค้านำเข้าที่สำคัญที่สุดของจีนและของโลก โดยมีจุดเริ่มต้นจากแนวคิดของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งได้ประกาศในเวทีความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Forum) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ว่าจีนจะจัดงานดังกล่าวขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดตลาดนำเข้าและเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกเข้าด้วยกัน โดยตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา งาน CIIE ได้จัดต่อเนื่องมาแล้วถึง 8 ครั้ง และกลายเป็นเวทีสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับประเทศคู่ค้า
สำหรับงานปี 2568 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “New Era, Shared Future” โดยมีการแบ่งพื้นที่จัดงานออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1.Business Exhibition พื้นที่จัดแสดงสินค้าธุรกิจ 7 สาขา ครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ยานยนต์และการสัญจรอัจฉริยะ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและสินค้าเกษตร บริการทางธุรกิจ ไปจนถึงโซนบ่มเพาะนวัตกรรมใหม่ๆ
2.Country Exhibition นิทรรศการแสดงภาพลักษณ์ประเทศต่างๆ โดยประเทศไทยจัดแสดงภายในอาคาร 5.2 ในฐานะประเทศแขกเกียรติยศ
3.Hongqiao International Economic Forum ซึ่งเป็นเวทีเสวนาระดับนานาชาติว่าด้วยเศรษฐกิจและการค้าโลก จัดขึ้นภายในอาคาร 4.2 และ WH North Square
ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติ นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน CIIE นับเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 1.5 ล้านตารางเมตร โดยเฉพาะโซน Business Exhibition มีพื้นที่รวมกว่า 366,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้เข้าชมและผู้ประกอบการจากทั่วโลกนับแสนราย
การเข้าร่วมของไทยในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย–จีนในยุคใหม่ ทั้งในมิติการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว สอดคล้องกับแนวนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์และ Soft Power ของรัฐบาล ที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของโอกาสทางธุรกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก.






