กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชูบทบาท “ผู้นำ” ด้านข้อมูลธุรกิจของประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลผ่านระบบบริการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ (BDEX) อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชน ลดขั้นตอนขอเอกสาร หนุนการทำงานภาครัฐ ดันก้าวสู่ “รัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ” ตามนโยบายรัฐบาล เชิญชวน 381 หน่วยงานภาครัฐ เชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลกับกรมฯ โดยไม่ต้องเรียกสำเนาเอกสารที่ภาครัฐออกให้จากภาคธุรกิจและประชาชน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 เห็นชอบมาตรการอำนวยความสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน) โดยให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน สำหรับใช้ตรวจสอบข้อมูลได้โดยตรง ไม่ต้องเรียกสำเนาเอกสารจากภาคธุรกิจและประชาชน ส่งผลให้บริการภาครัฐมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ กรมฯ มีภารกิจจัดเก็บและให้บริการข้อมูลนิติบุคคลของประเทศ โดยมีคลังข้อมูลนิติบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ได้พัฒนาระบบให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจ (Business Data Exchange: BDEX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real Time ในรูปแบบ Web Service ที่ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลนิติบุคคลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันได้ทันที ปัจจุบันมี หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว 155 หน่วยงาน และกรมฯ พร้อมขยายผลเพิ่มเติม โดยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ได้มี หนังสือแจ้งเชิญชวนภาครัฐทั่วประเทศอีก 226 หน่วยงานที่ยังไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูล ให้เข้าใช้บริการระบบ BDEX และยังมีหนังสือแจ้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวให้สัมฤทธิ์ผล ซึ่งจะส่งผลให้ การเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลครอบคลุม เสริมสร้างระบบข้อมูลภาครัฐแบบบูรณาการอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคต พร้อมทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาการดำเนินงานของภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างสัมฤทธิ์ผล

“จากการดำเนินการใน เฟสแรก ที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงาน ก.พ.ร. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ประกาศความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ 10 แห่ง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ยกเลิกการเรียกเอกสารนิติบุคคลจากประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และสนับสนุนการใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ และต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ได้ขยายความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 12 หน่วยงาน รวมเป็น 22 หน่วยงาน การบูรณาการความร่วมมือดังกล่าว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในภาพรวมได้มากกว่า 7,100 ล้านบาทต่อปี ทั้งใน มิติด้านระยะเวลา การใช้เอกสาร และค่าเสียโอกาสในการทำงาน อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งหากหน่วยงานภาครัฐทั้ง 381 หน่วยงานได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในรูปแบบ Web Service และนำไปใช้งานอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาการเดินทางและการดำเนินธุรกิจได้อย่างมหาศาล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยมากขึ้น สามารถดึงดูดนักธุรกิจจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในไทย ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศมีความแข็งแกร่ง และที่สำคัญ คือ บรรลุเจตนารมณ์มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีความสมบูรณ์แบบ มีความโปร่งใส และมีการให้บริการที่รวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ” อธิบดีฯพูนพงษ์ กล่าวสรุป.