ยอดส่งออกมันสำปะหลังครึ่งแรกปี’68 พุ่ง 38.9% จีนนำโด่ง! แต่แนวโน้มหดตัว ‘พาณิชย์’ เร่งขยายตลาดใหม่ทดแทน

“โฆษกกระทรวงพาณิชย์” เผย! ยอดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง มิ.ย.2568 ขยายตัว 6.1% ดันยอดขายครึ่งแรกของปีนี้แตะที่ 5 ล้านตัน โตขึ้นถึง 38.9% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.67 หมื่นล้านบาท โดยตลาดจีนมีการนำเข้ามากสุด ห่วงแนวโน้มจีนอาจนำเข้าลดลง เร่งหาตลาดใหม่เสริม มุ่งซาอุฯหลังทดลองเปิดตลาด “มันอัดเม็ด” ไปแล้ว 20,000 ตัน รวมถึงแผนขยายตลาดไปเม็กซิโก ชิลี และฟิลิปปินส์

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ในฐานะ “โฆษกกระทรวงพาณิชย์” เปิดเผยว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย เดือนมิ.ย. 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า โดยปริมาณการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สำหรับช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ไทยส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดแล้ว 2.7 ล้านตัน ปริมาณการส่งออกขยายตัวร้อยละ 92.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า

การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. – มิ.ย.) มีปริมาณ 5.0 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.9 จากปีก่อนหน้าที่มีปริมาณส่งออก 3.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,634.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 54,648 ล้านบาท โดยมี ตลาดสำคัญคือจีน (สัดส่วนร้อยละ 58.2 ของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย) รองลงมาเป็น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา
ในส่วนของมันเส้นและมันอัดเม็ด ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่าการส่งออก 503.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (16,763 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 49.8 สำหรับแป้งมันดิบ มีมูลค่าการส่งออก 665.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (22,296 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 25.2 และแป้งมันดัดแปร มีมูลค่าการส่งออก 655.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (21,958 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 25.1

ทั้งนี้ จีนยังคงครองตำแหน่งตลาดส่งออกหลักของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย โดยการส่งออกไปจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 58 ของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ แรงหนุนสำคัญมาจากความต้องการมันเส้นในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และเอทานอลของจีนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งตั้งแต่ ช่วงต้นปี 2568 จีนได้สั่งซื้อมันเส้นและมันอัดเม็ดจากไทยในปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทะลุ 1 ล้านตัน ภายในเวลาเพียง 2 เดือนแรกของปี ส่งผลให้การส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดของไทยครึ่งปีแรกฟื้นตัวแรง หลังจากที่ปีก่อนหน้าการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดของไทยซบเซาหนัก การที่จีนหันมานำเข้ามันเส้นและมันอัดเม็ดเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคามันเส้นที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจีน

“จีนเป็นตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่สำคัญของไทย แต่ในระยะยาวจีนมีแนวโน้มที่จะลดการนำเข้ามันสำปะหลัง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามผลักดันการเปิดตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น การเจรจากับกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีศักยภาพในการนำมันสำปะหลังเพื่อไปใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปพบผู้ประกอบการโรงงานอาหารสัตว์ที่กรุงริยาดและเมืองเจดดาห์ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเอกชนไทยสามารถปิดดีลการส่งออกมันอัดเม็ดไปซาอุดีอาระเบีย ล็อตทดลองได้ 20,000 ตัน เพื่อใช้ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ของซาอุฯ นอกจากนี้ มีความพยายาม ขยายตลาดไปยังเม็กซิโก ชิลี และฟิลิปปินส์ โดยได้มีการหารือกับผู้ส่งออกเพื่อกำหนดเป็นตลาดเป้าหมายใหม่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย เช่น การใช้งานด้านพลังงานทดแทนและพลาสติกชีวภาพที่กำลังเป็นที่สนใจในหลายประเทศ” นายพูนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2568 สนค. ได้ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ดำเนินโครงการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าสินค้าพืชไร่ (มันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายฯ ในการสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าให้แก่สินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและสินค้าต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง ซึ่งจะสร้างประโยชน์แก่ อุตสาหกรรมต้นน้ำและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการมาถึงระยะสุดท้าย ซึ่งอยู่ในช่วงจัดงานสัมมนาประชาสัมพันธ์ ผลการศึกษาโครงการฯ โดยจัดขึ้นในจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม แกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น โฮเทล และมีกำหนดจัดที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม ซ็นทารา ทั้งนี้ สนค. จะเผยแพร่รายงานการศึกษาให้หน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้นำผลการศึกษาและข้อเสนอเชิงนโยบายไปปรับใช้และขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.