พาณิชย์รับลูก ‘สภา SME’ เผย! ขอเป็น ‘มาเฟีย’ ป้องภาคธุรกิจไทย

“จตุพร” รับข้อเสนอสภา SME เผย! พาณิชย์เป็นที่พึ่งผู้ประกอบการ ปรับตัวทันการค้าโลก พร้อมทำหน้าที่ “มาเฟีย” ปกป้องภาคธุรกิจไทย

วันนี้ (1 สิงหาคม 2568) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับ ภาคเอกชน 25สมาคม นำโดย นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภา SME) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนวทางพัฒนาธุรกิจ SME ไทยให้สามารถแข่งขันและปรับตัวทันต่อสถานการณ์การค้าโลก
การหารือครั้งนี้ มีผู้แทนจากสมาคมธุรกิจหลายสาขาเข้าร่วม อาทิ สมาคมเทคโนโลยีดิจิทัล สมาคมไทยไอโอที สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย สมาคม e-commerce อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) สมาคมร้านขายยา สมาคมการค้าสุกร และแปรรูปปศุสัตว์ ประมง เกษตร อาเซี่ยน และสมาคมการค้าผู้ผลิตหลังคาเหล็กไทย

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การพบปะครั้งนี้ สะท้อนความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนอย่างแท้จริง โดยยืนยันว่า “วันนี้พาณิชย์พึ่งได้ จะเป็นมาเฟียที่ปกป้องผู้ประกอบการทุกมิติ” พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหา SME อย่างรวดเร็วและตรงจุด
“งานไม่ต้องรอ ทำได้เลย เมื่อมาพบกันแล้วต้องแก้ปัญหาได้ ยุคนี้ต้องทำงานรวดเร็ว ฟันธง และตรงประเด็น อะไรที่ติดขัดขอให้บอก เอาใจเขามาใส่ใจเราในการแก้ปัญหา เป็นใจเดียวกัน คือหัวใจของการทำงาน อะไรทำได้ทำทันที” นายจตุพร ย้ำและยังได้กล่าวถึง ข้อเสนอของภาคเอกชน ว่า กระทรวงฯจะเร่งพิจารณาและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ AI ไทยแลนด์ และ e-commerce ที่มีศักยภาพสูง พร้อมผลักดันให้เกิดการจัด AI Expo ในประเทศไทย เพื่อแสดงนวัตกรรมและเชื่อมโยงผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งจัดตั้ง ศูนย์ One Stop Service เพื่อแก้ปัญหาภาษีและอุปสรรคทางการค้า ซึ่งในประเด็นภาษีสหรัฐที่ประกาศออกมาเป็น 19% โดยยืนยันว่า กระทรวงฯ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการเยียวยาและให้ความชัดเจนกับภาคธุรกิจ และได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกสำรวจตลาดและอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพเร่งสรุปผลการเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อช่วยผู้ประกอบการขยายตลาด พร้อมผลักดันแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ด้านข้อมูล (Data Platform) เพื่อวิเคราะห์และวางกลยุทธ์การส่งออกได้อย่างแม่นยำ

ด้าน นายสุชาติ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของ ข้อมูล SME ไทย ว่า SME ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน กี่อาชีพ กี่กลุ่ม จะได้ให้ความช่วยเหลือได้ตรงจุด โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ ดอกเบี้ยต้องต่ำกว่า เพื่อให้ SME เดินต่อได้
ส่วน ประธานสภา SME เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการถูกกดดันจากโมเดิร์นเทรดและสินค้านำเข้าที่ได้เปรียบด้านราคา พร้อมเสนอ 8 มาตรการปกป้องธุรกิจ SME ไทย ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายศุลกากรเข้มงวด การควบคุมมาตรฐานสินค้า การป้องกันสินค้าหลอกลวงบนออนไลน์ การกำหนดมาตรการควบคุมการทุ่มตลาด การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตาม PDPA การขยายบทบาทสำนักงานการแข่งขันทางการค้า รวมถึงการผลักดันการสร้างอัตลักษณ์สินค้าประจำจังหวัด และการส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
นอกจากนี้ นายสุปรีย์ ยังเสนอให้มี ศูนย์ e-commerce hub ครอบคลุม 77 จังหวัด เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสินค้าไทย เชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ และผลักดัน cross-border e-commerce accelerator รวมทั้ง สนับสนุนการใช้ AI ที่ผลิตในประเทศไทย พร้อมขอให้กระทรวงช่วยหาตลาดใหม่ เช่น ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม และแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการนำเข้าหมูสหรัฐต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์
ภายหลังการประชุม นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติม ว่า การหารือกับสภา SME ในครั้งนี้ถือเป็นการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนในการยกระดับ SME ไทย ซึ่งวันนี้สภา SME ได้นำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกระทรวงพาณิชย์อย่างมาก เราจะทำให้ SME มีเป้าหมายที่ชัดเจน สร้างรายได้และโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่การผลิต กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดศูนย์ One Stop Service ที่รัชดา ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อผู้ประกอบการกับมาตรการสนับสนุนต่างๆ และจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมทำงาน เพื่อช่วยเหลือ SME ที่ได้รับผลกระทบอย่างรอบด้าน “พาณิชย์พึ่งได้” จะเดินหน้าปฏิรูปการทำงาน เชื่อมโยงทุกภาคส่วน และเป็นที่พึ่งของ SME ไทยให้สามารถแข่งขันและเติบโตท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกในยุคปัจจุบัน ได้อย่างยั่งยืน.