‘จตุพร’ นำทีมพาณิชย์ร่วมเอกชน ร่าง ‘ปฏิญญาความร่วมมือ’ ฝ่าวิกฤตการค้าโลก

“จตุพร-ฉันทวิชญ์” เยือน ส.อ.ท. รับ 5 ข้อเสนอเอกชน ประกาศเตรียมร่าง “ปฏิญญาความร่วมมือ” แก้ปัญหาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ ติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน ลั่น! พร้อมเดินหน้าทีมไทยแลนด์ ฝ่าวิกฤตการค้าโลก

นายจตุพร เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรับฟังข้อเสนอและร่วมกำหนดแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์โลก ทั้งการเปลี่ยนแปลงมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า เช่น ภาษีของสหรัฐฯ และ CBAM ของสหภาพยุโรป ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“กระทรวงพาณิชย์ ต้องเป็นพาณิชย์หนึ่งเดียว จับมือกับ FTI ONE บูรณาการความร่วมมือ โดยจะร่วมกันร่าง ‘ปฏิญญาความร่วมมือ’ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และ ส.อ.ท. เพื่อแก้ปัญหาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ พร้อมติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร ระบุว่า ข้อเสนอทั้งหมดจาก ส.อ.ท. สอดคล้องกับ 10 นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การใช้กลยุทธ์ Soft Power และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทุกภาคส่วน
“วันนี้เราต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ กระทรวงพาณิชย์พร้อมเปิดใจ รับฟัง และทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ทีมไทยแลนด์ต้องเดินหน้าอย่างเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ให้เกิดขึ้นจริง” นายจตุพร กล่าว

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมพร้อมสนับสนุนการทำงานของกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาล โดยได้เสนอแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดูแลผู้ประกอบการไทย 5 ประเด็นสำคัญ ซึ่งต้องเดินร่วมกันให้เป็นทีมไทยแลนด์ เพราะในวันนี้มีทั้งวิกฤตและโอกาส ดังนี้
1. ผลักดันมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการจากผลกระทบ Reciprocal Tariff
– ขอให้ภาครัฐสนับสนุนด้านกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญแก่ผู้ประกอบการ SME
– ลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O)

2. เร่งการเจรจาลดภาษีรายสินค้าของสหรัฐฯ
– โดยเฉพาะภายใต้มาตรา 232 ที่ยังจัดเก็บภาษีสูงในสินค้าสำคัญ เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ยานยนต์ และชิ้นส่วน
3. ดำเนินมาตรการเชิงรุก ลดผลกระทบ Trade Diversion
– เสนอให้ภาครัฐสามารถริเริ่มกระบวนการใช้มาตรการทางการค้าโดยไม่ต้องรอให้เอกชนยื่นเรื่อง
– ใช้เครื่องมือทางการค้าให้ครบถ้วน เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD), การปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (SG), และการตอบโต้การอุดหนุน (CVD)
– พิจารณาควบคุมการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มสูงผิดปกติ ตาม พ.ร.บ. การนำเข้า-ส่งออก พ.ศ. 2522

4. ส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไทย
– เร่งเจรจา FTA ฉบับใหม่ๆ เช่น ไทย–ยูเรเซีย (EAEU)
– สนับสนุนโครงการ SME Pro-active และกิจกรรม Trade Mission
– เพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในสินค้าไทย (Made in Thailand: MiT)
5. สร้างระบบนิเวศการค้าชายแดนเพื่อการเติบโตระยะยาว
– เสนอให้ภาครัฐร่วมบูรณาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการ และการค้าชายแดนอย่างครบวงจร.

