ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงหลังสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีแนวโน้มคลี่คลาย

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 63-73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (27 มิ.ย. 68 – 3 ก.ค. 68)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังมีการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเป็นผลสำเร็จเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ในสัปดาห์นี้ (30 มิ.ย. – 6 ก.ค. 68) สหรัฐฯ และอิหร่านจะกลับมาเปิดการเจรจาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้มีการจู่โจมระหว่างกันเป็นระยะเวลา 12 วัน ขณะที่ FED ยังคงรอดูท่าทีนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัวคาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม และคาดจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี เดือน ก.ค. 68 นอกจากนี้ อุปทานน้ำมันดิบคาดปรับเพิ่มจากคาซัคสถาน ที่ยังคงผลิตเกินโควตาที่ได้รับ และแคนาดาที่มีประสิทธิภาพในการผลิตน้ำมันดิบ Oil Sand สูงขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
• สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และอิหร่านมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการแถลงข่าวระหว่างการประชุมผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่เนเธอร์แลนด์ว่าสหรัฐฯ และอิหร่านจะกลับมาเปิดการเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์หน้าในช่วงระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. ถึง 6 ก.ค. 68 หลังสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านสิ้นสุดลง นอกจากนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เผยสหรัฐฯ ได้โจมตีและทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไปแล้ว จึงอาจไม่มีประเด็นด้านการควบคุมนิวเคลียร์ในการเจรจาครั้งนี้ โดยก่อนเกิดสงคราม สหรัฐฯ และอิหร่านเคยเจรจามาแล้ว 5 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดได้ ขณะที่ทางด้านโฆษกกระทรวงคมนาคมของอิหร่าน นาย Majid Akhavan กล่าวว่าอิหร่านเปิดน่านฟ้าเหนือพื้นที่บริเวณตะวันออกของประเทศ ให้เที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศกลับมาดำเนินการได้แล้ว รวมถึงสนามบินต่างๆ เช่น สนามบิน Mashhad, Chabahar, Zahedan และ Jask หลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลบรรลุผล
• เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยว่าภาษีการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจช้าลงและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ได้ปรับลดลงในเดือน มิ.ย. 68 หลังจากภาคครัวเรือนที่ยังคงกังวลต่อตำแหน่งว่างงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือน มิ.ย. 68 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้นาย Jerome Powell แถลงการณ์นโยบายการเงินต่อคณะกรรมาธิการด้านบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ Capitol Hill ว่า Fed จะคงนโยบายทางการเงินเดิมเอาไว้จนกว่า Fed จะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากผลกระทบภาษีศุลกากร ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายของ Fed ที่ 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
• อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น หลังเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 68 บริษัทน้ำมันแห่งชาติของคาซัคสถาน KazMunayGaz ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบแหล่ง Tengiz กำลังการผลิตขนาด 0.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2568 อยู่ที่ 0.733 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ 0.715 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ คาซัคสถานผลิตน้ำมันดิบเกินโควตาของ OPEC+ อย่างต่อเนื่อง โดยผลิตในเดือน เม.ย. 68 อยู่ที่ระดับ 1.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าระดับโควตาปัจจุบันที่ได้รับอยู่ที่ระดับ 0.297 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ Platts คาดแคนาดาผลิตน้ำมันดิบ Oil Sand ในปี 68 เพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว อยู่ที่ระดับ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเป็นระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตน้ำมันดิบ ส่งผลให้ต้นทุนต่ำลง
• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเดือน มิ.ย. 68 อัตราการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. 68 จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานดือน พ.ค. 68 ยอดขายรถยนต์ เดือน มิ.ย. 68 อัตราการว่างงานเดือน มิ.ย. 68 ตัวเลขนำเข้า และตัวเลขส่งออก เดือน พ.ค. 68 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เดือน มิ.ย. 68 และ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ยอดขายปลีก เดือน พ.ค. 68 ดัชนีราคาผู้ผลิต ดือน พ.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เดือน มิ.ย. 68 อัตราการว่างงาน เดือน พ.ค. 68 อัตราเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย. 68 และดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน มิ.ย. 68
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 – 26 มิ.ย. 68)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 6.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 65.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 5.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 67.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางคลี่คลายลง โดยล่าสุดนั้น อิสราเอลและอิหร่านต่างไม่โจมตีต่อกัน ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์อีกครั้งบน Truth Social ยืนยันว่าอิสราเอลจะไม่โจมตีอิหร่าน เครื่องบินทุกลำจะหันกลับและมุ่งหน้ากลับประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าทั้งอิสราเอลและอิหร่านต่างละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เริ่มต้นวันที่ 24 มิ.ย. 68 และแสดงความไม่พอใจอิสราเอล ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 68 อิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธฐานทัพ Al Udeid ของสหรัฐฯ ในกาตาร์ซึ่งเป็นฐานทัพใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามการผลิตหรือการขนส่งน้ำมันของบริษัท QatarEnergy ในคูเวตไม่หยุดดำเนินการ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล นาย Israel Katz กล่าวว่าอิสราเอลโจมตีสนามบินและสำนักงานใหญ่ด้านความมั่นคงภายในประเทศที่ดำเนินการโดยกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolutionary Guard Corps) และโรงนิวเคลียร์ Fordow ซึ่งอยู่ใต้ดินของอิหร่านทางใต้ของเตหะรานอีกครั้ง เพื่อขัดขวางทางเข้าโรงเสริมสมรรถนะ รวมถึงเรือนจำ Evin ที่คุมขังนักโทษการเมืองและผู้ต่อต้านสาธารณรัฐอิสลามซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลกำลังขยายเป้าหมายให้กว้างไกลออกไปนอกพื้นที่ทางทหารและอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อมุ่งเป้าไปที่เสาหลักของระบบปกครองของอิหร่านโดยตรง
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มิ.ย. 68 ปรับลดลง 5.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 415.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 0.79 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง.