‘พาณิชย์’ เปิดเวทีประชุมร่วมเอกชน ‘ฟังปัญหา – ผลักดันนโยบายค้าชายแดน’ เพิ่มมูลค้าการค้าเสริมแกร่งเศรษฐกิจภูมิภาค

“พิชัย นริพทะพันธุ์” เปิดเวทีประชุมร่วม “หอการค้า – สภาอุตฯ” จ.อุดรธานี รับฟังปัญหา – ผลักดันนโยบายค้าชายแดนและท่องเที่ยว หวังยกระดับเศรษฐกิจภูมิภาค พร้อมตั้งเป้าหมายขยายการค้าไทย-ลาวให้บรรลุเป้าหมาย 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570

วันนี้ (8 มิ.ย.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชนในพื้นที่ จ.อุดรธานี พร้อมรับฟังข้อเสนอและหารือแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดย กระทรวงพาณิชย์มีความมุ่งมั่นในการผลักดันเศรษฐกิจการค้าของประเทศ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง เช่น จ.อุดรธานี ที่เป็นประตูสำคัญสู่ลุ่มน้ำโขง พร้อมย้ำว่า จะได้เริ่มเจรจาการค้าประเด็นภาษีกับสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากนั้น ยังมีแผนเจรจาการค้ากับจีน โดยเสนอให้ภาคเอกชนจีนร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยอย่างถูกต้อง ไม่ผ่านระบบนอมินี เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ข้อมูลการค้าชายแดนร่วมกับลาว ตนพึ่งมีโอกาสพบกับ นายมะไลทอง กมมะสิด รมต.อุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว ในระหว่างเยี่ยมชมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ได้มีโอกาสหารือกับ รมต.อุตสาหกรรมและการค้าของลาว เพื่อผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศให้บรรลุเป้าหมาย 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 โดยไทยได้แสดงความพร้อมในการเป็น เจ้าภาพการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่ง สปป.ลาว ครั้งที่ 8 โดยเร็ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ได้จัดร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนแผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม

ด้าน นายกัณฑ์พงศ์ สุระวรรณวิจิตร ประธานหอการค้า จ.อุดรธานี กล่าวว่า ภาคเอกชนมองว่าธุรกิจในพื้นที่ยังคงชะลอตัว และได้เสนอแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การจัดแคมเปญ “ลดทั้งเมือง” ตามแบบโมเดลพาณิชย์ลดราคา การจัดงานเกษตรแฟร์ประจำปี รวมถึงฟื้นฟูตลาดผ้าบ้านนาข่า ภายใต้โครงการ “ตลาดต้องชม” ของกรมการค้าภายใน เพื่อรองรับการจัดงานพืชสวนโลก ปี 2569 ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าสู่เมืองเป็นจำนวนมากและยังเสนอให้ลดความถี่ในการตรวจสอบการตีตราปั๊มน้ำมันโดยสำนักงานชั่งตวงวัด จากปีละสองครั้งเหลือปีละครั้ง เพื่อลดภาระต้นทุน รวมถึงข้อเสนอจาก กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ให้พิจารณาทบทวนข้อจำกัดการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติที่พำนักถาวรในไทย โดยเฉพาะชาวต่างชาติวัยเกษียณที่ต้องการลงทุนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ส่วน พันโท ดร.วรายุส์ ศรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.อุดรธานี กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรม ได้เสนอแผนการลงทุนด้านไบโอเทคโนโลยีโดยใช้ชานอ้อยเป็นวัตถุดิบ พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกไผ่เพื่อผลิตถ่านชีวภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรในพื้นที่

ขณะที่ นางอรอนงค์ บุญโต ประธาน MOC Biz Club ไทยแลนด์ กล่าวว่า ได้เสนอแนวคิดจัดตั้ง “Biz Shop” เชื่อมโยงสินค้าชุมชนจากภูมิภาคต่าง ๆ และผลักดันเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรด พร้อมขอการสนับสนุนด้านบัญชี และดิจิทัลแพลตฟอร์มจากกระทรวงพาณิชย์

รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตามข้อเสนอของภาคเอกชนต่อเวทีการหารือในครั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปดำเนินการ โดยเฉพาะอยากให้มีร้านธงฟ้าด้วย อยากได้รับการสนับสนุนอะไร ประสานมาได้ทันที ส่วนเรื่อง ปัญหาด้านการท่องเที่ยวและการค้าชาย ที่ยังเป็นอุปสรรคจะชวน รมว. ลาว มานั่งรับฟังข้อเสนอ และจัดทำแผนดำเนินการร่วมกัน และยังได้ให้กรมการค้าภายในไปดำเนินการเรื่องการตรวจปั๊มว่าจะหาแนวทางลดขั้นตอนกันได้อย่างไร รวมถึงมอบให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ไปดำเนินการ เรื่องข้อจำกัด ในการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม มีข้อห่วงใยเรื่องปราบนอมินีอยู่ด้วย โดยเสนอให้ภาคเอกชนจีนร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยอย่างถูกต้อง ไม่ผ่านระบบนอมินี เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ตามแผนงานของกระทรวงฯ มีแผนคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเพื่อผลักดันเข้าสู่ตลาดต่างประเทศภายใต้แบรนด์ Thailand Brand รวมถึง พัฒนาแอปพลิเคชันใหม่สำหรับ SMEs เพื่อให้สามารถบริหารจัดการด้านบัญชี และเชื่อมโยงเข้าสู่แพลตฟอร์ม e-commerce ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ในด้านการท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงสินค้าชุมชนกับแหล่งท่องเที่ยว จะเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน รูปแบบโฮมสเตย์ เพื่อเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password