‘พาณิชย์’ จัดโปรโมทสมุนไพรไทยสู่สากล ผ่านงาน THINK Wellness THINK Thai Herb

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดประชุมคณะอนุฯ มุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร พร้อมจัดมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ เชื่อมโยงสุขภาพ-คุณภาพชีวิต โปรโมตสมุนไพรไทยในงาน “THINK Wellness THINK Thai Herb” เพิ่มการจดจำแก่ลูกค้าไทย/เทศ พ่วงโปรโมทผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ขยายใช้ในร้านนวดไทยและสปาทั่วโลก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้รับมอบหมายจาก นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร ให้เป็น ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี คณะอนุกรรมการฯเข้าร่วมประชุม ที่ประกอบไปด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า, กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, กระทรวงศึกษาธิการ, กรมศุลกากร, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

อธิบดีฯอรมน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบประเด็นสำคัญใน 2 เรื่องคือ 1) แผนการเพิ่มการสื่อสารและตระหนักรู้แก่สาธารณชนทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านสโลแกน ‘THINK Wellness THINK Thai Herb’ หรือ คิดถึงสุขภาพ คิดถึงสมุนไพรไทย เป็น Key Message ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยใช้ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลกร่วมกัน ประกอบกับสร้างภาพลักษณ์ของสมุนไพรไทยที่เชื่อมโยงกับสุขภาพ คุณภาพชีวิต และการดูแลตนเองอย่างยั่งยืน กำหนดจัดงานเปิดตัว ‘THINK Wellness THINK Thai Herb’ ภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ณ อาคาร 11 – 12 อิมแพค เมืองทองธานี
และ2) แผนการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมให้ร้านนวดไทยและร้านสปาในต่างประเทศนำผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบสมุนไพรไปใช้ เนื่องจากผู้บริโภคในปปัจจุบันได้ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรในหลากหลายมิติ ไม่ใช่เฉพาะด้านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ขยายไปถึงการดูแลสุขภาพ ผิวพรรณ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงมอง สมุนไพรไทยเป็นมากกว่าสินค้าในท้องถิ่น และจะสร้างให้เป็นสินค้าสำหรับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ด้วย โดยเฉพาะการส่งออกไปยังร้านนวดไทยและร้านสปาที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงร้านสปาที่มีชื่อเสียงของไทย ซึ่งให้บริการที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ เช่น นวดไทย นวดน้ำมัน นวดขัดผิวหน้า/ผิวกาย นวดประคบสมุนไพร เป็นต้น พร้อมผลักดันให้ร้านฯ นำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมาใช้ประกอบการให้บริการ อาทิ ลูกประคบสมุนไพรไทย ผลิตภัณฑ์บาล์ม ครีมสครับผิว น้ำมันหอมระเหย ก้านไม้หอม เครื่องพ่นกลิ่นอโรม่า และชาสมุนไพร เป็นต้น

นอกจากนี้ ตลาดตะวันออกกลางก็ได้ให้ความสนใจอย่างมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์อโรม่า เทอราพี (aromatherapy) และสมุนไพรจากธรรมชาติ ประกอบกับ การนวดแผนไทยยังได้รับการยอมรับในหลายประเทศ ดังนั้น การผลักดันสมุนไพรไทยให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าในร้านนวดแผนไทยที่มีอยู่ทุกมุมโลกก็จะเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคชาวต่างชาติได้มีโอกาสรู้จักและสัมผัสถึงคุณภาพของสมุนไพรไทยอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันประเทศในเอเชียและอาเซียนเองก็มีความร่วมมือกันเป็นอย่างดีในด้านสุขภาพ การแพทย์ทางเลือก และความงาม ซึ่งเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะใช้จุดแข็งของสมุนไพรไทยเจาะตลาดได้อย่างตรงกลุ่ม ด้วยภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ และคุณภาพที่ได้มาตรฐานในระดับสากล

ทั้งนี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรม Wellness ปี 2566 มีมูลค่ารวม 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 6.03% ของ GDP โลก คาดว่าระหว่างปี 2566-2571 อัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.3% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโต ของ GDP โลกที่คาดไว้ที่ 4.8% และในอนาคตปี 2571 อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับ ภาพรวมอุตสาหกรรมสปาปี 2566 ทั่วโลกมีสถานประกอบการ 191,348 แห่ง สร้างรายได้รวมประมาณ 137 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในส่วน อุตสาหกรรมสปาและนวดของประเทศไทยต่างได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นผู้นำทางด้านนี้ โดยปี 2565 ไทยมีสถานประกอบการด้านสุขภาพจดทะเบียนจำนวน 10,077 แห่ง มีบุคลากรผู้มีใบอนุญาตประมาณ 190,000 คน และในปี 2566 สร้างรายได้จากตลาดสปาอยู่ที่ 1.78 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ.
#SuperDBD #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์

