คลังจ่อชง ‘แผนกระตุ้นจีดีพี’ ปีนี้ หวังไกลดันกลับสู่เป้าเดิมที่ 3%

รองนายกฯพิชัย วางแผนทะยอยเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ที่ประชุมครม. ช่วง มิ.ย. – ก.ค.นี้ แย้มปรับเพิ่มวงเงิน “คุณสู้เราช่วย” อีกเท่าตัว พร้อมนัดถกนายแบงก์ ร่วมแก้หนี้ภาคครัวเรือน ตั้งเป้าคงสัดส่วนหนี้รวมที่ 86% ต่อจีดีพีที่หวังจะเห็นโต 2% อัพ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึง แนวทางปรับลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือน ว่า จากตัวเลขเดิมที่มีกว่า 91% ต่อจีดีพี  หรือราว 16 ล้านล้านบาทเศษ (มูลค่าจีดีพีของไทยราวกว่า 18 ล้านล้านบาท) แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมา และจากนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ผ่านมาตรการ “คุณสู้เราช่วย” ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และมาตรการอื่นๆ รวมถึงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ ทำให้ภาพรวมตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนในปัจจุบัน เหลืออยู่ที่ระดับ 86% เศษต่อจีดีพี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ลดลง เป็นผลมาจากจีดีพีที่ปรับตัวลดลงด้วย ทั้งนี้ ตนคาดหวังจะเห็นสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับนี้ หรือน้อยกว่านี้ ในขณะที่จีดีพีกลับมาเติบโตในระดับปกติที่ 3% เช่นที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

แม้ว่า สถาบันจัดอันดับเครดิตบางแห่ง (Moody’s Investors Service : มูดีส์) ได้ประกาศปรับลดแนวโน้ม (Outlook) อันดับเครดิตของประเทศไทยจากระดับ Stable เป็น “Negative” รวมถึงปรับลดจีดีพีของไทยในปี 2568 จากที่เคยประเมินไว้ที่ระดับ 2.8% เหลือ 1.8% โดยมีพื้นฐานมาจากผลกระทบของนโยบายปรับขึ้นภาษีการส่งออกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ตนยังเชื่อว่ามีโอกาสที่ทุกฝ่ายจะหันหน้ามาหากัน เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม ระหว่าง 3-6 เดือนนี้ ทุกประเทศต่างก็ประสบปัญหาเหมือนกัน ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันมากนัก ซึ่งปัญหาข้างต้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก และเมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ทั้งอันดับเครดิตและจีพีดีของไทย ก็จะกลับมาอยู่ในระดับที่เราคาดหวังเอาไว้

นายพิชัย กล่าวว่า ไม่ว่าหน่วยงานไหนจะประเมินตัวเลขจีดีพีของไทยไว้เท่าใดก็ตาม ส่วนตัวที่มีและได้เห็นข้อมูลสำคัญหลายส่วน ยังมั่นใจว่าหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศ จีดีพีของไทยในปีนี้ ก็น่าจะอยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 2% และหากปัญหากำแพงภาษีของสหรัฐฯคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น จีดีพีของไทยก็น่าจะโตมากกว่านี้ได้อีก

“รัฐบาลมีแผนจะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ผ่านมาตรการต่างๆ รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมการนำเทคโนโลนีชั้นสูงมาใช้ในการผลิต รวมถึงดึงดูดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยทำให้จีดีพีของไทยเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ” นายพิชัย กล่าว

สำหรับ มาตรการ “คุณสู้เราช่วย” ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ นั้น กระทรวงการคลังมีแผนจะขยายวงเงินช่วยเหลือจากเดิม โดยปรับเพิ่มอีกเท่าตัว รวมถึง มีแผนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งนี้ วางแผนจะทยอยเสนอนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงมิถุนายน – กรกฎาคมนี้ ในส่วนของการแก้ปัญหาหนี้ของธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตและหนี้สินอื่นๆ ตนจะเชิญผู้เกี่ยวข้องจากภาคเอกชนมาร่วมหารือ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้ภาพของปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของไทยลดลงในขณะที่จีดีพีมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password