“รมว.พาณิชย์” เผย! รัฐ-เอกชน-เกษตรกร ผนึกแก้สารตกค้าง BY2 ในทุเรียน ด้าน ทูตจีน “อู๋ จื้อ อู่” รับทราบมาตรการป้องกันสารตกค้าง ชี้ทีมไทยทำสุดเข้ม! พร้อมผ่อนปรนเงื่อนไขตรวจตู้ส่งออก หลังผ่าน 1 เดือนไม่พบสารพิษ ระบุ! ปีนี้ผลผลิตทุเรียนโตขึ้น 37% หรือ 1.76 ล้านตัน พร้อมผุด 7 มาตรการ พ่วง 25 แผนงาน ใช้บริหารจัดการผลไม้ให้ราคาดีตลอดทั้งปีได้

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือร่วมกับ นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี เกษตรจังหวัดจันทบุรี ตัวแทนผู้ประกอบการด้านผลไม้ สมาคมนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรไทย-จีน โดยเฉพาะ ปัญหาเรื่องการตรวจพบสารตกค้าง BY2 หลังจากที่ทางการจีนมีการกักกันสินค้าทุเรียนไทยตามด่านนำเข้าต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาและสร้างความเดือดร้อนให้กับหลายฝ่าย

โดยขณะนี้ พื้นที่จังหวัดจันทบุรีและใกล้เคียงได้แก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง มีการบิ๊กคลีนนิ่งเพื่อกำจัดสารปนเปื้อน และมีความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหานี้อย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนของ กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสหารือและประสานงานกับนายอู๋ จื้อ อู่ อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยในหลายโอกาส และได้แจ้งให้ทราบถึงความเข้มงวดในการตรวจสอบและการดำเนินการในพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นใจ และขอให้ประสานกับทางการจีน ให้ช่วยผ่อนคลายการตรวจสอบทุเรียนที่นำเข้าจากไทย โดยให้สุ่มตรวจ ไม่ต้องตรวจสอบ 100% โดยไทยจะคุมเข้มและตรวจสอบ 100% ก่อนส่งออก เพราะเกรงว่า การตรวจสอบทุกล็อต ทุกตู้คอนเทนเนอร์ จะทำให้เกิดความล่าช้า และอาจทำให้ทุเรียนที่รอการตรวจสอบเพื่อนำเข้าสู่จีนเน่าเสียหายได้

“ได้รับทราบข่าวดีจากทางท่านอัครราชทูตว่า ขณะนี้ทางจีนน่าจะได้มีการผ่อนคลายการตรวจตู้ทุเรียนของไทย ซึ่ีงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาเรื่องสารตกค้างหรือปนเปื้อน ดังนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อการส่งออก และยังได้เชิญอัครราชทูตลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อไปตรวจสอบคุณภาพทุเรียนของไทย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้ทั้งทางผู้ส่งออกและชาวสวนไทยอีกด้วย” นายพิชัย กล่าว

นอกจากแนวทางสร้างความมั่น ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ โดยคาดการณ์ของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผลผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้น 37% หรือ 1.76 ล้านตัน ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งติดตามสถานการณ์การส่งออกอย่างใกล้ชิด โดยออกมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ที่ครอบคลุมผลไม้หลักทุกชนิด โดยเฉพาะทุเรียน สำหรับทั้ง 7 มาตรการ ได้แก่ (1) การสร้างความเชื่อมั่นผลผลิต (2) การส่งเสริมตลาดในประเทศ (3) การส่งเสริมแปรรูปและปรับพื้นที่เกษตรให้เหมาะสม (4) การส่งเสริมตลาดต่างประเทศ (5) การยกระดับสินค้าผลไม้ไทย (6) การแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกทางการค้า และ (7) การบังคับใช้กฎหมาย

กระทรวงพาณิชย์จะรักษาการส่งออกในตลาดเดิม คือ ประเทศจีนยังได้วางแผนหาตลาดต่างประเทศ เร่งขยายตลาดส่งออกผลไม้ไปยังตลาดที่มีศักยภาพให้มากขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอินเดีย โดยมีเป้าหมายดำเนินการไม่น้อยกว่า 950,000 ตัน คาดการณ์มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยในช่วงต้นเดือนเมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีอินเดียจะเดินทางมาไทย ก็จะหารือเพื่อผลักดันการส่งออกผลไม้ไทยไปขายในอินเดีย ด้วย.