‘พาณิชย์’ เตรียมยกเลิกขออนุญาตนำเข้าหิน หวังลดอุปสรรคประกอบธุรกิจ
ครม.ไฟเขียว (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ปลดล็อก! กฎหมายนำเข้าหิน 4 กลุ่มหลัก หวังอำนวยความสะดวกทางการค้า และเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้ WTO และ ATIGA ด้าน “อธิบดีฯอารดา” แนะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เตรียมการรับมือการแข่งขัน หากกฎหมายมีผลบังคับใช้หลังวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเร็วๆ นี้
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้หินเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าในการดำเนินธุรกิจตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ในการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางการค้า นอกจากนี้ การยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าวยังเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามพันธกรณีความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA)
โดยมีผลให้สินค้าหินที่อยู่ในข่ายควบคุม 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) หินอ่อน ทราเวอร์ทิน อีคอสซิน และหินอื่นๆ พิกัดศุลกากร 25.15 ยกเว้นหินอ่อนก้อนเหลี่ยมพิกัดศุลกากร 2515.12.10 ที่มีรูปทรงมิติเป็นแท่งตันขนาดด้านกว้าง ยาว และสูง ตั้งแต่ด้านละ 50 เซนติเมตรขึ้นไป 2) หินอ่อน ทราเวอร์ทิน และอะลาบาสเตอร์ ตามพิกัดศุลกากร 6802.21.00 3) หินแกรนิต ตามพิกัดศุลกากร 6802.23.00 และ 4) หินอื่นๆ ตามพิกัดศุลกากร 6802.29.10 และ 6802.29.90 ไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าจากกระทรวงพาณิชย์อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการข้างต้นเป็นไปตามมติที่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพยากรธรณี กรมศุลกากร กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมหินอ่อนและแกรนิตไทย และสภาการเหมืองแร่ โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
โดยการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าวจะเป็นการลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการให้ได้รับความสะดวกทางการค้า ดังนั้น ทุกภาคส่วนควรเตรียมความพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ประชาชน และผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ โทรศัพท์ 0 2547 5124 หรือสายด่วน DFT 1385.