รมว.พาณิชย์ต้อนรับทัพนักธุรกิจรายใหญ่สหรัฐฯ USABC ชวนลงทุน-ตั้งฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ในไทย ย้ำ!ไทยกำลังฮอต พร้อมอำนวยความสะดวกการค้า-ลงทุนเต็มที่ ระบุ! ปี 2566 สหรัฐฯคือคู่ค้าลำดับที่ 2 รองจากจีน การค้า 2 ชาติมีมูลค่ากว่า 6.76 หมื่นล้านดอลลาร์ โต 3.65% แถมเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 1 ของไทย เผย! เตรียมบินไปญี่ปุ่น หวังชวนลงทุนอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ตั้งเป้าดันญี่ปุ่นขึ้นแท่นนักลงทุนอับดันหนึ่งของไทยอีกครั้ง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้การต้อนรับและร่วมหารือกับ คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน หรือ US-ASEAN Business Council (USABC) จำนวนกว่า 57 ราย จาก 30 บริษัท ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ การท่องเที่ยว อาหารและเกษตร พลังงาน เทคโนโลยี สารสนเทศ สุขภาพและการเงิน อาทิ บริษัท Amazon, Boeing, ExxonMobil, Citi, Google, Mastercard, Pfizer, Philip Morris, Seagate และ Tyson ที่นำโดย เอกอัครราชทูตเท็ด โอเซียส (Ambassador Ted Osius) เพื่อมาหารือแนวทางการส่งเสริมการค้าและการลงทุน แก้ปัญหาสิ่งที่เป็นอุปสรรคทางการค้าร่วมกัน สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อธุรกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้า

นายพิชัย กล่าวภายหลังว่า นักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) เข้ามาพบตนที่กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากทราบดีว่าประเทศไทยจะมีการลงทุนไหลเข้ามามาก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ อาทิ Western Digital และ Seagate จะมาขยายการลงทุน HP โดยย้ายฐานการลงทุนมาไทย ก่อนหน้านี้ตนได้ไปประชุมทูตพานิชย์ในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา ที่สหรัฐฯ ได้รับข้อมูลตรงกันคือ สหรัฐฯจะมีการลงทุนมาไทยเยอะ และตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสูงมากเป็นเลขสองหลัก ซึ่งน่าพอใจและเรายังมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นอีก

ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเป็น Investment Destination หรือ จุดหมายปลายทางของการลงทุนที่สหรัฐฯอยากจะมาลงทุน โดยในการหารือ ตนได้ขอให้ทางนักธุรกิจไปคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องของ GSP (สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) และ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ประเทศไทยอยู่ในบัญชี Watch List (ประเทศที่ต้องจับตามอง) ซึ่งตนได้หารือกับ นางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ไปก่อนหน้านี้ และท่านก็รับปากจะไปดำเนินการให้ และ ประเด็นที่ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯเยอะ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ทางสหรัฐฯมาตั้งฐานการผลิตที่ไทยแล้วส่งกลับไปที่สหรัฐฯ ทั้งจาก Western Digital และ Seagate  ขอให้ทางนักธุรกิจสหรัฐฯช่วยแจ้งไปยังท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

โดยทางไทยอยากได้รับการส่งเสริมเพราะไทยมีความเป็นมิตรกับทุกประเทศทั้ง สหรัฐฯ UAE จีน อินเดีย ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้รับการลงทุนจากหลายประเทศ ซึ่งจากที่ตนไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ที่สาธารณรัฐเปรู ทุกประเทศต่างบอกว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุน PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) เราจะผลิต PCB มากที่สุดในโลก จะมีการโยกย้ายฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เข้ามาเยอะมาก

“จากนี้ ผมจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้าเพื่อพบกับนักลงทุนและทางมหาวิทยาลัยโตเกียว (the University of Tokyo) ก็ได้เชิญให้ไปบรรยายทิศทางเศรษฐกิจของไทย โดยผมจะไปเชิญชวนนักลงทุน นักวิชาการ สมาคมการค้าต่างๆของญี่ปุ่น ให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลก  และเราอยากเห็นญี่ปุ่นกลับมาเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งของไทยอีกครั้ง โดยจะเชิญชวนให้มาลงทุนไทยมากขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่” รมว.พาณชย์ ย้ำและว่า

รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ เรามีคนเก่งเยอะพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้กับนักธุรกิจเต็มที่และเราก็เร่งเจรจาเขตการค้าเสรีหรือ FTA ให้เรามี FTA มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ FTA ระหว่างไทยกับเอฟตาก็น่าจะจบได้ในเดือนมกราคมนี้ แล้วหลังจากนั้นจะตามมาด้วย อียู อาเซียน-แคนาดา ซึ่งมีโอกาสสำเร็จสูง และในเดือนพฤษภาคม ท่านรัฐมนตรีแคนาดาจะนำนักลงทุนจากแคนาดากว่า 100 คน มาเมืองไทย เพื่อหาช่องทางลงทุนในไทย

“ตอนนี้ประเทศไทยเรากำลังฮอต ผมได้พบกับท่านรองนายกฯและรมว.คลัง (พิชัย ชุณหวชิร) ท่านเดินทางไปจีน มีบริษัทจีนอยากย้ายเข้ามาเมืองไทยเต็มไปหมด เรากำลังไปได้ดีประเทศไทยกลับมาฮอตใหม่เหมือนอย่างในอดีต ขอให้สภาวะนี้เป็นไปเรื่อยๆ ให้เราเจริญ รายได้ของประชาชนจะได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทำให้ประเทศเราเจริญต่อได้” นายพิชัย กล่าว

สำหรับ องค์กร USABC ถือเป็นองค์กรที่มีสมาชิกเป็นบริษัทชั้นนำสหรัฐฯที่เข้ามาลงทุนหรือทำธุรกิจกับประเทศในอาเซียน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน และสำนักงานสาขา 7 แห่งในนครนิวยอร์ก กรุงเทพฯ กรุงฮานอย กรุงจาการ์ตา กรุงกัวลาลัมเปอร์ กรุงมะนิลา และสิงคโปร์ โดยในปี 2566 สหรัฐฯถือเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของไทยรองจากจีน มีข้อมูลการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯมีมูลค่า 67,659.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 3.65 ซึ่งสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 1 ของไทย โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 48,352.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 1.72

ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 55,681.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 9.84 ซึ่งไทยส่งออกไปสหรัฐฯมีมูลค่า 40,610.98 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 12.48 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องบินเป็นต้น.