ฮ่องกงเล็งขนทัพนักธุรกิจ SMEs-Start up ตั้งฐานลงทุนในไทย – สั่งเพิ่มปริมาณการซื้อข้าว-สินค้าสุขภาพ
รมว.พาณิชย์ปลื้ม! ฮ่องกงตอบรับเตรียมขนทัพนักธุรกิจกลุ่ม SMEs-Start up มาตั้งฐานลงทุนในไทยเพิ่ม แถมมีโอกาสที่จะสั่งซื้อเพิ่มปริมาณการซื้อข้าว-สินค้าสุขภาพอีกหลายรายการ เผยข่าวดี รัฐบาลฮ่องกงมองเห็นไทยเป็น “ศูนย์กลางซัพพลายเชน” ในสินค้าหลายตัว พร้อมนำไปขยายตลาดทั่วโลก ตั้งเป้าให้เป็นประตูการค้าสู่ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. (วันเวลาท้องถิ่นของประเทศเปรู) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับ แอลเจอร์นอน เยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ฯ ฮ่องกง ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ว่า การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับฮ่องกง โดย ฮ่องกงมองไทยเป็นศูนย์กลางของ Supply chain ด้วยความเหมาะสมของไทย จึงอยากมาลงทุนในไทย ซึ่งถือเป็นข่าวดี ที่จะมีการขยายการค้าการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านสินค้าเกษตร อย่างเช่น ข้าว ที่ฮ่องกงยินดีที่จะพิจารณาเพิ่มปริมาณการซื้อข้าวไทย นอกจากนี้ยังมีอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงในตลาดฮ่องกง รวมถึงการส่งเสริมสินค้าและบริการผ่าน Soft Power ที่ไทยเดินหน้าประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตศิลปินไทยในฮ่องกง อาทิ LISA และ Thai Pop Concert ในปลายปีนี้รวมถึงการจัดการแข่งขันมวยไทยที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวฮ่องกง
นอกจากนี้ ไทยยังได้ผลักดันบทบาทของประเทศในฐานะ “ครัวโลก” เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับฮ่องกง ซึ่งไทยมีสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวฮ่องกงที่ใส่ใจสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช รวมถึงผลไม้ไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดฮ่องกงมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ ตนได้เชิญชวน SMEs และบริษัท Start up ในฮ่องกงให้พิจารณามาลงทุนรวมทั้งมาตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย โดยชูจุดแข็งทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า และมาตรการจูงใจทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งสอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2024 ของฮ่องกงที่ส่งเสริมให้ SMEs ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ โดยรัฐมนตรีฯ ฮ่องกงมีความสนใจเป็นอย่างยิ่งและพร้อมที่จะใช้จุดแข็งของไทยดังกล่าวในการผลักดันนักลงทุนเข้าสู่ไทย และที่สำคัญไทยจะใช้โอกาสการค้ากับฮ่องกงเป็นประตูไปสู่การค้ากับจีน
“เขามองว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของซัพพลายเชนในสินค้าต่างๆ อยากจะมาขยายไปทั่วโลก ซึ่งฮ่องกงยินดีที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นและการท่องเที่ยวก็ดี นอกจากนี้ เรายังมีเรื่อง Digital Nomad มีวีซ่าระยะยาวให้กับผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลให้สามารถมาอยู่ที่ไทยได้ ประเทศไทยกลายเป็นสวรรค์ของ Digital Nomad เพราะเรามีทั้งภูเขา ทะเล ช้อปปิ้ง อาหาร โครงข่ายอินเตอร์เน็ต 5G เพียบพร้อม เขามีความสุขที่มาอยู่ประเทศไทย ซึ่งผมผลักดันจนประสบความสำเร็จ ปัจจุบันอุตสาหกรรม PCB ก็ย้ายเข้ามาที่ไทยเพราะไฟฟ้ามีความเสถียร วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเยอะ ใน UAE ก็มีการลงทุนทำ Data Center ถึง 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็อยากให้ไทยมีส่วนร่วมด้วยถ้ามีโอกาสเราอยากร่วมกับเขา เพราะเป็นทิศทางของโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพ ทั้งเกาหลีใต้และฮ่องกงก็สนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย” นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2566 ฮ่องกงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 13 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 13,708 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยฮ่องกง เป็นตลาดส่งออกอันดับ 7 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังฮ่องกง11,096 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ ในขณะที่ฮ่องกงเป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 25 ของไทย มีมูลค่าการนำเข้าจากฮ่องกง 2,612 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องประดับอัญมณี เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์เป็นต้น.