‘ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น’ พลิกโฉม ‘ชุมชนสวนบัว-วัดสวนแก้ว’ สู่แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน

ธนาคารออมสินเดินหน้าโครงการ “ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น” พลิกโฉม “ชุมชนสวนบัว-วัดสวนแก้ว” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนใกล้กรุง พร้อมดึงนักท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา ได้มากกว่า 7 หมื่นราย รับพรจากพระพะยอมฯ อิ่มอร่อยจากอาหารและเครื่องดื่มไทย ที่หาทานได้ยาก พร้อมจัดกิจกรรม One Day Trip Econmass X GSB ชวนสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจกว่า 40 คน ร่วมปลุกเศรษฐกิจฐานราก ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เข้มแข็ง และยั่งยืน 

นายสมชาย อาภรณ์พงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs Start up เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน มุ่งมั่นสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม และมีส่วนในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จึงได้เดินหน้าโครงการ “ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น” ต่อเนื่องมากว่า 7 ปี โดยธนาคารร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา 67 แห่ง สนับสนุนให้นิสิตนักศึกษารวมกว่า 15,000 ราย นำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ ไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการของวิสาหกิจชุมชน/กลุ่ม OTOP/กลุ่มอาชีพ/กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนโฮมสเตย์กว่า 2,000 กลุ่ม ในพื้นที่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้คนในชุมชน มีงาน มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น สร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่เป็นธรรม รวมถึงคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้รับประโยชน์ตลอดห่วงโซ่อุปทานมากกว่า 70,000 ราย

โดยความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ลงพื้นที่พัฒนาวิสาหกิจชุมชนสวนบัวโฮมสเตย์ กลุ่มแม่บ้านทำทองพับสมุนไพร รวมถึงการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากวัดสวนแก้วสู่ชุมชนสวนบัว ทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 นำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นกับกลุ่มและคนในชุมชน 

สำหรับกิจกรรม One Day Trip Econmass X GSB เพื่อสังคม ตอน สวนแก้วสู่สวนบัว ได้เชิญชวนสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจในครั้งนี้กว่า 40 คน นำโดยนายกฤษณะพงศ์ พงศ์แสนยากร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ พาคณะ “ชิม ช้อป ชิลล์” ไปกับอาหาร-เครื่องดื่มที่อร่อย หาทานได้ยาก เช่น ขนมเบื้องญวณ เมี่ยงคำ บ้าบิ่น และ ชื่นใจกับน้ำตาลสด และยังเป็นแหล่งขายสินค้าชุมชน ที่นำมาจำหน่าย ทั้งมะม่วงยายกล่ำที่เป็นของดีเมืองนนท์ และผลไม้อื่น ๆ มากมาย

นายกฤษณะพงศ์ พงศ์แสนยากร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ กล่าวว่า สมาคมฯ และผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจที่มาในวันนี้ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจชุมชน ให้มีการสร้างรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในยุคปัจจุบัน และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากมีการเหลือเก็บออม ตามวิสัยทัศน์ของธนาคารออมสิน โดยพบว่า ชุมชนแห่งนี้มีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามควิกวินของรัฐบาล ที่สนับสนุนให้การท่องเที่ยวเป็นกลไกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ควบคู่ไปกับเสริมความเข้มแข็งในชุมชน และเศรษฐกิจฐานราก

นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ กล่าวต่อว่า วัดสวนแก้วและชุมชนสวนบัว อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง จึงเชื่อว่า ในอนาคตจะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวใกล้กรุงที่สำคัญ หากเกิดความร่วมมือกันของคนในชุมชน ต่อยอดพัฒนา สินค้าและบริการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน “สวนบัวโฮมสเตย์” ซึ่งต้องการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ เพิ่มวันพำนัก เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในชุมชน และบริเวณพื้นที่โดยรอบมากขึ้น โดยโฮมสเตย์ยังได้รับมาตรฐานด้านสาธารณสุข ทั้ง SHA, SHA PLUS เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างมาก และยังมีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว กลายเป็นจุดเช็คอินที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะศาลากลางน้ำ ที่กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญในแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำของจังหวัดนนทบุรี

“วัดสวนแก้ว” นับเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสำคัญ ที่อยู่บนแผนที่ท่องเที่ยว เชื่อมโยงกับ “ชุมชนสวนบัว” ทำให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับวิถีชีวิตที่ศาสนาเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ตั้งแต่การเรียนรู้ธรรมะ ไปจนถึงการเป็นศูนย์กลางประชาสัมพันธ์กิจกรรมผลไม้เมืองนนท์ เช่น มะม่วงยายกล่ำ ทุเรียนเมืองนนท์ มะปรางหวาน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้คนในชุมชนอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ “ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น” ยังเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านทองพับสมุนไพร ตั้งแต่การพัฒนาสูตรทองพับมะม่วงยายกล่ำ การออกแบบ ตราสินค้า บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการสร้างช่องทางการขายทั้ง Offline และ Online

พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสิน จึงถือโอกาสในการปรับปรุงสะพานที่เชื่อมระหว่างการเดินทางบนบกและ การเดินทางทางน้ำ เพื่อให้สะดวก ปลอดภัย และที่สำคัญมีความสวยงาม พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง และยังได้มอบจักรยานให้กับวัดสวนแก้ว เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง เชื่อมจากวัดไปยังชุมชนได้อย่างสะดวก และไม่ปล่อยมลพิษ นับเป็นการสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนโครงการธนาคารภูมิปัญญาของพื้นที่ โดยสนับสนุน “เรือนสมฤดีบ้านไม้ 100 ปี” และ “โรงน้ำตาลมะพร้าวภูมิปัญญาชุมชน” ด้วยการทำป้ายประชาสัมพันธ์ และจัดทำสื่อ เพื่อให้เกิดการเผยแพร่ และเป็นที่รู้จักในแผนที่ท่องเที่ยวจากสวนแก้วสู่สวนบัวต่อไปอีกด้วย

ทั้งนี้ ธนาคารออมสินยังมุ่งเน้นขับเคลื่อนภารกิจเชิงสังคมอย่างเต็มรูปแบบ และเพื่อการดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม ธนาคารจึงเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพและยกระดับกลุ่มองค์กรชุมชน วิสาหกิจชุมชน กลุ่ม OTOP ผู้ประกอบการ ให้มีองค์ความรู้ในการพัฒนาศักยภาพ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของชุมชน ตอบสนองความต้องการของตลาดและแข่งขันได้ ก่อให้เกิดรายได้และความสามารถในการเข้าถึงบริการทางการเงิน แหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม รวมไปถึงการสร้างวินัยทางการเงินให้กับชุมชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม

เป็นที่มาของการพัฒนาผู้ประกอบการโฮมสเตย์ และการท่องเที่ยวชุมชน เตรียมความพร้อมให้ชุมชน และผู้ประกอบการต้อนรับนักท่องเที่ยวในอนาคต โดยในปี 2567 ธนาคารออมสิน มีเป้าหมาย สนับสนุน/พัฒนาที่พักโฮมสเตย์ 900 แห่ง และการท่องเที่ยวชุมชน 90 ชุมชน ให้มีโอกาสทำการตลาด สร้างรายได้ชุมชน ผ่านทั้งช่องทาง Offline และ Online เช่น Platform Airbnb Facebook TikTok Line และ Instagram เป็นต้น

สำหรับปี 2563-2566 ธนาคารออมสินมุ่งมั่นเป็นธนาคารเพื่อสังคม โดยได้ให้การช่วยเหลือสังคมไปแล้ว 63 โครงการ มีประชาชนที่ได้รับประโยชน์มากกว่า 18 ล้านคน รวมถึงมีการสนับสนุนเงินทุน 8.9 ล้านคน และสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง 3,600 ชุมชน ผ่านการสร้างงานสร้างอาชีพ ไปพร้อมกับการสร้างชุมชนยั่งยืน เช่น การพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม, การบริหารจัดการขยะในชุมชน รวมไปถึงการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น สร้างบ้านปลา รักษาทะเลไทย เป็นต้น.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password