7 ธรรมมะดีๆ จากเวที ‘เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ’ ปี 2566

โครงการเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ได้รวม 7 ธรรมะ และประสบการณ์ดีๆ จาก 7 พระอาจารย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ได้กรุณามาแสดงธรรมบรรยายบนเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่น” ในปี 2566 ซึ่งจัดโดย บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ขอส่งมอบแทนคำอวยพรดีๆ ต้อนรับปีใหม่ที่จะก้าวมาถึงนี้

พระครูเมตตาปุญโญภาส เจ้าคณะอำเภอบางสะพาน เจ้าอาวาสวัดทางสาย จ. ประจวบคีรีขันธ์ ได้กล่าวถึงคำว่า “ทาง” ไว้ว่ามีทางหลายประเภท ทางเกวียน ทางลูกรัง ทางถนนลาดยาง ทางคอนกรีต ทางรถ ทางเรือ ทางบิน ทางรถไฟ พวกนี้เรียกทางสัญจร ทางนี้ใครๆ ก็ไปได้ คนก็ไปได้ สัตว์ก็ไปได้ คนดีคนชั่วก็ไปได้ ส่วนทางที่สอง คือ ทางไปสู่สุขคติ ไปแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องมีสัจจะ มีความจริงใจ รู้จักทำบุญ รู้จักทาน เป็นผู้ให้ เสียสละ ให้วัตถุข้าวของ ให้เสื้อผ้า ยารักษาโรค เครื่องอุปโภคเงินทอง ที่อยู่ที่อาศัย ให้อภัยซึ่งกันและกัน ให้ธรรมะนั้นเป็นไปเพื่อไมตรี ส่วนทางที่สาม คือทางไปสู่เทพเจ้า จิตใจต้องกว้างขวาง ใครด่าว่าก็เฉย ไม่เคืองไม่โกรธ เทพเจ้า คือ ผู้ขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากให้ประชาชน ถ้าจิตใจไม่เป็นเทพเจ้า เราตายแล้วจะไปเป็นเทพไม่ได้ จิตใจมีพลังได้ก็ต้องฝึก และทางที่สี่ ทางไปพระนิพพนาน มีอยู่ในพระพุทธศาสนาอย่างเดียว เป็นทางแห่งอริยมรรค ทางไปสู่ความเป็นอริย พระผู้มีพระภาคเจ้าเรียกอริยมรรค มีองค์ 8 มรรค แปลว่าทาง อริยะ แปลว่า ผู้เลิศ ผู้ประเสริฐ ผู้สูงสุด ผู้ไกลจากกิเลส โลกเราที่วุ่นวายทุกวันนี้เพราะขาดพระอรหันต์ อยู่ใกล้กิเลสเกินไป ท่านว่าให้เอาศีลมารักษา ปัญญาเกิด รวมมั่นขึ้นมาเป็นพลัง เป็นจิตที่ตั้งมั่น เจริญศีลสมาธิปัญญาเรียก มรรคสมังคี ครั้งที่ 1 เป็นโสดบัน ครั้งที่ 12 ได้ญาณ 16 เป็นสกทาคามี อริยมรรคเกิดขึ้นครั้งที่ 3 เป็นอนาคามี ครั้งที่ 4 เป็นอรหันต์แล้ว ไม่เป็นทาสกิเลส ในครั้งนี้มาพูดถึงเรื่องทางสายเอก คือทางสุดท้ายทางไปพระนิพพาน ไม่ต้องมาชดใช้เป็นทาสกิเลสอีกต่อไป

พระครูปลัดบัณฑิต อินทเมธี วัดสังข์กระจาย กรุงเทพฯ ท่านให้เราลองมองย้อนไปว่า “เวลาเรานึกถึงพระรัตนตรัยนั้น เราปลื้มใจ สุขใจ สบายใจไหม ถ้ามีข่าวที่พูดถึงพระในทางที่ไม่ดีขึ้นมานั้น เรายังปลื้มใจอยู่ไหมใหม เวลาได้ยินข่าวไม่ดีมา ศรัทธายังมั่นคงในพระรัตนตรัยใหม ถ้าเรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เราจะมั่นคงไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น ธรรมมะบรรดาลใจ หมายความว่า ธรรมะขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ว่าจะหัวข้อใหน ตั้งแต่ธรรมะระดับพื้นฐาน จนถึงธรรมะขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นธรรมมะระดับไหน ก็ทำให้ใจของเราชุ่มชื่นทั้งนั้น แม้ว่าพระพุทธเจ้าพูดถึงความทุกข์ ใจคนฟังก็ยังชุ่มชื่นในขณะเทศน์ถึงความทุกข์ นี่คืออนุภาคของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นคำว่า ธรรมมะบรรดาลใจ พระรัตนตรัยบรรดาลจิต ในวันนี้เพื่อต้องการให้ทุกคนมีหัวใจที่ชุ่มชื่นกับพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สุดท้ายนี้ให้พวกท่านทั้งหลาย รักษาจิตให้ผ่องใส รักษาใจให้เบิกบาน กันถ้วนหน้าเทอญ”

พระครูวิวิตอรัญธรรม เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมวิเวก จ.อุดรธานี “ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟังให้ดี..คนเรานั้นถ้าเป็นผู้มีตาดี เดินทางออกจากความแก่ ความเจ็บ ความตายได้แล้ว เรียกว่าผู้มีปัญญาแท้ ถือว่าเป็นชาวพุทธเต็มขั้น เพราะมีที่พึ่งทางใจไม่เสื่อมคลาย แต่ถ้าเราไปรักษาศีลให้ทาน เจริญสมถะขนาดใหนก็ตาม กรรมตัวนี้ยังมีโอกาสเปลี่ยนและ ยังมีโอกาสที่จะตกนรกอยู่ อย่างท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธเต็มขั้นในด้านโลกียะ คือ บุคคลผู้ยังเป็นศรัทธาแต่ไม่มั่นคง ยังคลอนแคลนอยู่ อันนี้คือศรัทธาของคนเป็นโลกียะเต็มขั้นจริง แต่ในฝ่ายโลกียะ ถ้าเป็นชาวพุทธในฝ่ายปฏิบัติในด้านโลกุตระ ทั้งหมดนี้ท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าใครบ้างที่เป็นชาวพุทธเต็มขั้น นั่นคือบุคคลที่ได้บรรลุมักผลนิพพานแล้ว ไม่มีการเสื่อม ศรัทธาก็ไม่เสื่อม ศีลก็ไม่เสื่อม สมาธิก็ไม่เสื่อม การที่เรากินแต่ของดีๆก็ไม่ต่างกับการที่รักเขาข้างเดียว เราต้องปรุงแต่งให้มันสารพัดตั้งแต่ตื่นขึ้นจนถึงนอนหลับ เรารับใช้มาจนถึงขนาดนี้มันก็ยังแก่ยังเจ็บยังป่วย เราจะเป็นขี้ข้ารับใช้จนไม่สามารถหนีจากมันได้นั้นมันน่าเจ็บใจ สิ่งสุดท้ายที่ได้กลับมานั่นคือสิ่งปฏิกูล นั่นคือความเป็นจริงที่เรียกว่ารักเขาข้างเดียว รับใช้ตั้งแต่เกิดจนตาย ภพนี้เป็นแบบนี้ ภพหน้าก็ยังเป็นแบบนี้ เราหลงมาตั้งนาน เราแบกความทุกข์มาตั้งนาน เราจะแบกมันไปถึงไหนกัน อันนี้คือความจริงในโลกที่สอนเราแล้วจะรู้ว่าจริงอย่าที่ใครเขาพูดกัน”

ครูบาน้อย ญาณวิไชย วัดถ้ำเชตวัน ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน ได้มอบคำชี้แนะบนเวทีเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ก่อนที่ท่านจะละสังขารว่า “สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนอยู่บนพื้นฐานของคำว่าธรรม คือ ความเป็นจริง สุขเกิดขึ้นตั้งอยู่ชั่วคราว ประคองมันไว้ก็เป็นทุกข์ สุดท้ายสุขก็ดับไป เราเป็นชาวพุทธเราต้องมองเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ได้ อนิจจัง ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกขัง ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ อนัตตา คือ ไม่มีอะไรสมบูรณ์สำหรับตัวเรามองว่าทุกอย่างเกิดขึ้น โลกใบนี้แบ่งเป็น 2 อย่างคือ บางสิ่งบางอย่างเกิดมาในโลกใบนี้ไม่ได้เกิดมาให้เราแก้ไขแต่เกิดขึ้นมาให้เรายอมรับได้อยู่ร่วมกับมันให้ได้ ชีวิตจริงคือการยอมรับความจริง แต่ว่าการแก้ไขจะต้องไปใช้ในการดำเนินชีวิตหรือการใช้ชีวิต ปัญหาบางอย่างมีปัญญาแต่แก้ไม่ได้ต้องใช้เวลาในการแก้ เพราะฉะนั้นเราต้องประยุกต์นำธรรมะมาใช้กับชีวิตของความเป็นจริง ธรรมะคือความจริงของชีวิต ธรรมะคือกฎตายตัวไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่อยากทุกข์กับการใช้ชีวิตใดๆ ต้องเข้าใจชีวิต ธรรมะที่มันอยู่ในสิ่งนั้นๆ”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า “ยามใดที่ทุกข์ใจ มันล้วนแล้วแต่มีรากเหง้าอยู่ที่ความยึดติดถือมั่น ยึดติดในความสุข แต่พอไม่สุขแล้วก็ทุกข์ เราจะทุกข์เต็มที่เมื่อไปยึดอารมณ์นั้น ไปยึดความเศร้านั้น ก็แปลกที่เราไม่ชอบความทุกข์ แต่พอทุกข์ทีไรก็ไปยึดติดทุกที พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า เมื่อมีทุกข์เกิดขึ้น ให้รู้ทุกข์อย่าเป็นทุกข์ และนี่คือเคล็ดลับว่า เมื่อมันเกิดขึ้นก็ให้มีสติรู้ทัน เพราะรู้แล้วมันก็จะวาง เป็นการปล่อยวางอย่างหนึ่ง หลวงพ่อเสถียร ท่านสอนไว้ว่า “รู้สื่อๆ รู้โดยไม่ผลักใส รู้โดยไม่ไหลตาม” เมื่อรู้อารมณ์แล้วจิตมันปรุงแต่ง ก็ให้รู้ทัน เพราะถ้าเราทำได้ เราก็จะพบกับความสุขได้โดยไม่ยาก”

พระเทพปฏิภาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารกรุงเทพฯ ได้สอนเรื่องธรรมะสมบัติว่า “การทำดีนั้นไม่ง่ายเราต้องฝึกทำอยู่บ่อยๆ เราจึงต้องทำบุญเป็นประจำอยู่บ่อยๆนั้นก็คือ การสวดมนต์และเจริญภาวนา ก่อนเข้านอน หรือตื่นนอนก็ได้ ในทุกๆวันเรามีภารกิจที่ต้องดูใจของตัวเอง ถ้าเราตามดูบ่อยๆ ใจเราจะไม่เกเร ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ในบางวันเราอาจจะหาสาเหตุที่จิตใจเราวุ่นวายไม่เจอ นั่นเกิดจากการที่เรามีนิวรณ์ครอบงำจิตใจ หรือความพยาบาท ต้องหาทางแก้ไข ไม่อย่างนั้นวันนั้นจะไม่มีความสุข อย่างที่มีคนเคยบอกว่า “ปล่อยให้ยุ่ง แล้วแย่ แก้มันยาก ยิ่งยุ่งมาก ก็ยิ่งแย่ แก้ไม่ไหว ปล่อยให้ยุ่ง รุมนัก จะหนักใจ จงแก้ไข อย่าให้ยุ่ง วุ่นนักหนา” เราต้องแก้ไขด้วยการใส่อารมณ์ใหม่เข้าไป ด้วยการแผ่เมตตา การทำอย่างนี้จะเกิดเป็นสมบัติติดตัว ขอให้เราสร้างธรรมะสมบัติในใจเรา 1.รู้จักยับยั้งชั่งใจ 2.ทำใจให้เย็นเข้าไว้ เมื่อทำอย่างนี้อยู่เสมอเมื่อมีเรื่องมากระทบกระเทือนจิตใจ เราก็จะใจเย็นทันที หากเราทำได้แบบนี้ชีวิตของเราก็จะมีความสุข”

พระศรีสิทธิมุนี เจ้าอาวาสวัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ กล่าวถึงมหัศจรรย์แห่งชีวิตว่า “ไม่ต้องคิดไปไกล ความมหัศจรรย์เราสร้างเองได้ด้วยหนึ่งสมองกับสองมือ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในแต่ละยุคอย่างพีระมิด โคลอสเซียม หรือกำแพงเมืองจีน มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มนุษย์เราสร้างมันขึ้นมา เพราะฉะนั้นสิ่งมหัศจรรย์แห่งชีวิตเราเราต้องสร้างเอง การที่เราเอาธรรมะมาปฏิบัติก็คือสร้างความเป็นมงคล มงคลคือเหตุแห่งความเจริญ อย่างตอนเช้าก็ควรพูดดีๆ กับคนในครอบครัวแทนการบ่น คือเอาธรรมมะมาไว้ที่กาย ไว้ที่วาจา ไว้ที่ใจ ความเป็นสิริมงคลก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นความมหัศจรรย์แห่งชีวิตของเราก็เริ่มขึ้นแล้ว และการรู้จักสมบัติแห่งความเจริญ 6 ประการ อย่าโจมตี อย่านินทา รักษาศีล อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่นอน สอนใจตัวเอง ถ้าเราทำได้ทั้งหมดนี้แล้ว เราทุกคนทุกท่านก็จะเป็นคนที่สร้างความมหัศจรรย์ในชีวิตได้”

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสาระดีๆ จากเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” แบบนี้ สามารถรับฟังสด และย้อนหลังได้ทาง facebook fanpage CAPLL ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00-13.30 น. นอกจากนี้ ยังมีคติธรรมดีๆ ฟังง่ายๆ ผ่าน TikTok ที่ ธรรมะTikTok.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password