‘สมาคมสื่อต้านคอร์รัปชั่นฯ’ มอบทุนการศึกษา-สวัสดิการสมาชิกฯ ปี’68 – ‘อลงกรณ์’ ชี้กลางงานฯ คอร์รัปชั่นคือฆาตรกรตัวร้าย!

“ดร.เอก์ เหลืองสอาด” นำทีมกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่นฯ ประชุมใหญ่ประจำปี 2568 พร้อม “มอบทุนการศึกษาและเงินสวัสดิการวิชาชีพ” แก่บุตรธิดาและสมาชิกฯ ด้าน “อลงกรณ์ พลบุตร” ชี้! คอร์รัปชั่นคือ “ฆาตรกร” ฉุดรั้งประเทศไทยในทุกมิติ ชี้! หากปล่อยไว้ ไม่เพียงสร้างปมเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ยังทำลายหลักนิติธรรมนิติรัฐ อาจดึงไทยกลายเป็นรัฐล้มเหลว

เมื่อช่วงสายวันที่ 7 มิ.ย.2568 ณ สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ, สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ภายใต้การนำของ ดร.เอก์ เหลืองสอาด นายกสมาคมฯ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 พร้อมพิธีมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาของสมาชิกสมาคมฯ และมอบเงินสวัสดิการวิชาชีพให้กับสมาชิกฯ โดยมีคณะกรรมการสมาคม, สมาชิกสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ดร.เอก์ กล่าวว่า สมาคมฯรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และวันนี้ เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของครอบครัวสมาชิกฯ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ยังเป็นการสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้แก่ลูกหลานของเพื่อนสมาชิกฯ ที่ถือเป็นอนาคตสำคัญของชาติ ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี และทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนทุนการศึกษา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้สมาชิกฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนด้วยความมุ่งมั่นในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทย และสะท้อนความมุ่งมั่นของสมาคมฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและสวัสดิการแก่ครอบครัวคนข่าวอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะ ประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาและทุนสวัสดิการฯ กล่าวให้โอวาทว่า พ่อแม่ของเราไม่ได้ร่ำรวย แต่ให้ภูมิใจเถิดว่าเราอยู่อย่างพอเพียง พออยู่พอกิน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในกลุ่มของสื่อมวลชนพวกเรา ความภูมิใจตรงนี้ เป็นรากฐานจิตใจของลูกหลานทุกคน การศึกษาต่อยอดชีวิตได้ คุณธรรมที่พ่อแม่ได้ฝากฝังไว้กับพวกเรา และภูมิใจในอาชีพสื่อมวลชน เพื่อลูกหลานที่นั่งกันอยู่ข้างหน้า การจัดงานในวันนี้จึงถือว่ามีความสำคัญ อาจจะไม่ใช่งานที่ใหญ่ แต่มีความสำคัญมากกว่าคำว่าเล็กหรือใหญ่ นั่นคืออนาคตลูกหลานเป็นอนาคตของพ่อแม่ และเป็นอนาคตของประเทศชาติ

โดยก่อนหน้าจะมีพิธีมอบทุนฯ นายอลงกรณ์ ในฐานะ ประธานสถาบัน FKII กล่าวถึง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย สอดรับกับแนวทางการดำเนินงานของ สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โดยย้ำตอนหนึ่ง ว่า การคอร์รัปชั่น คือ “ฆาตรกร” และเป็นต้นเหตุของปัญหาความยากจน อีกทั้งยังทำให้ประเทศล้าหลัง ติดกับดักเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ด้วยสถานการณ์คอร์รัปชันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้สถานภาพของประเทศลดลง นั่นหมายความว่า ความยากจนและหนี้สินก็เพิ่มขึ้น นอกจากจะสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำแล้ว คอร์รัปชั่นยังทำลาย หลักนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งเป็น “เสาหลัก” ของประเทศ จนหลายคนบอกว่าเรากำลังจะเป็นรัฐที่ล้มเหลว
พร้อมยกกรณีศึกษา “ตึก สตง.ถล่ม!” ว่า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ยืนยันคำพูดที่บอกว่า “วันนี้คอร์รัปชั่น ไม่ใช่เป็นเพียงการฉ้อฉลผลประโยชน์หรืองบประมาณ แต่ว่าเป็นสาเหตุของการเป็นฆาตกร” ทั้งนี้ สตง. เป็นหน่วยตรวจสอบ แต่กลับพบว่ามีการฉ้อฉล นั่นจึงทำให้ องค์กรความโปร่งใสระหว่างประเทศ หรือ Transparency International ยังคงจัดอันดับประเทศไทยให้อยู่อันดับที่ 107 จาก 180 ประเทศ โดยได้คะแนนเพียง 34 คะแนน

“ผมรู้สึกยินดีที่ สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ได้เข้าเป็นภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ร่วมกับสถาบัน FKII นอกจากเราทำหน้าที่อัปเกรดประเทศ ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ แล้ว อีกภารกิจที่สำคัญคือ การอุดช่องโหว่ที่เป็นรูรั่วใหญ่ นั่นคือ การคอร์รัปชั่น จึงได้เปิดตัว “คอรัปชั่น ฟ้องดู” เป็น Open Platform ที่เพียงแค่ถ่าย QR Code ก็สามารถแจ้งเบาะแสการทุจริตฉ้อฉลได้โดยสะดวก โดยผู้แจ้งเบาะแสไม่ต้องกังวล เพราะว่าเราใช้เทคโนโลยี Blockchain ในเรื่องการรักษาความลับ หรือว่าเรื่องของความง่ายต่อการแจ้งเบาะแส ถือว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการใช้ Open Platform ในลักษณะที่กว้างขวาง เพื่อให้ทุกคนสามารถที่จะมีส่วนในการปกป้องประเทศและผลประโยชน์ของประชาชน ดูแลภาษีของประชาชน จากงบประมาณสูงถึง 3.78 ล้านล้านบาท เงินนอกงบประมาณอีกกว่า 6 ล้านล้านบาท ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ” นายอลงกรณ์ กล่าวสรุป.
