หลังจาก AIS และกรุงไทย ร่วมกันเปิด “พอยท์เพย์” ที่ให้ลูกค้า AIS ใช้คะแนนสะสมเป็นส่วนลดเงินสดได้กับร้านค้าถุงเงินที่อยู่ในระบบ ได้ผลตอบรับทั้งจากลูกค้าและร้านค้าจำนวนมาก ล่าสุดคนละครึ่งเฟส 5 ส่งผลให้ยอดแลกคะแนนพุ่งกว่า 3 เท่า อีกทั้งยังเพิ่มร้านค้าถุงเงินไปยังกลุ่มร้านขายของชำที่ตอนนี้มีจำนวนกว่า 500,000 ร้านค้าทั่วไทย

ตอกย้ำเป้าหมายแบ่งเบาภาระของคนไทยและสร้างรายได้หมุนเวียนให้ร้านค้ารายย่อย โดยลูกค้าใช้สิทธิพิเศษ 2 ต่อ คือการใช้คะแนนเอไอเอสพอยท์ไม่จำกัดยอดขั้นต่ำ ทุกๆ 2 คะแนน เท่ากับ 1 บาท คู่ไปกับใช้สิทธิคนละครึ่ง

นางบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์ AIS กล่าวว่า นอกเหนือจากการดีไซน์สิทธิประโยชน์เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้หลากหลายตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์แล้ว AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลยังมีพอยท์เพย์ ที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการทำงานช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพคนไทย โดยทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยต่อเนื่อง เชื่อมต่อร้านค้าถุงเงินให้เข้ามาเป็นร้านค้าที่ลูกค้า AIS นำคะแนนสะสมมาและแทนเงินสดใช้ชำระค่าสินค้าได้

โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีโครงการคนละครึ่ง ลูกค้าใช้คะแนนเอไอเอสพอยท์พ่วงไปกับการใช้สิทธิคนละครึ่งได้ซึ่งหลังจากโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่เริ่มให้ผู้บริโภคใช้สิทธิกันไปเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา มียอดแลกคะแนนกับร้านค้าถุงเงินเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เท่า เทียบกับช่วงปกติ จากคะแนนสะสมสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนไปยังร้านค้าเฉลี่ยเกือบ 10 ล้านบาท ในหนึ่งเดือน

คาดการณ์ว่าภายในเดือนนี้จะมียอดการแลกคะแนนสะสมผ่านโครงการพอยท์เพย์สูงถึง 16 ล้านพอยท์ อีกทั้งวันนี้ได้ขยายประเภทจากร้านอาหารและเครื่องดื่ม ไปยังกลุ่มร้านขายของชำ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้จ่ายของลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีร้านค้าถุงเงินเข้าร่วมโครงการไปแล้วรวมกว่า 500,000 ร้านค้า

นางบุษยา กล่าวในช่วงท้ายว่า โครงการพอยท์เพย์ไม่ใช่แค่การมอบสิทธิประโยชน์ หรือการสนับสนุนร้านค้ารายย่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการระยะยาวที่จะช่วยเป็นการแบ่งเบาภาระของลูกค้าในวันที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงเงินจากภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้งยังเป็นการช่วยพยุงกำลังซื้อของคนไทยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบฟันเฟืองเศรษฐกิจต่อไปด้วยการใช้ศักยภาพด้านการเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลของ AIS อีกด้วย.