กรมพัฒนาธุรกิจฯ ผนึกพันธมิตร ลงพื้นที่เยี่ยมวิสาหกิจชุมชนที่ลำพูน รุกสร้างองค์ความรู้ ‘บริหารจัดการธุรกิจ’ มุ่งยกระดับสู่ ‘ผปก.ยุคใหม่’ เต็มรูปแบบ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ กรมส่งเสริมการเกษตร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ ต.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน หวังเสริมสร้างศักยภาพวิสาหกิจชุมชนให้ก้าวไปสู่การเป็น “ผู้ประกอบการยุคใหม่อย่างครบวงจร” เน้นหนักด้านการตลาดดิจิทัล การสร้างแบรนด์ และการบริหารจัดการที่ทันสมัย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วิสาหกิจชุมชนถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบัน มีวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนแล้วกว่า 72,000 แห่ง มีสมาชิกรวมกว่า 1.3 ล้านคน ครอบคลุมทั้งภาคการเกษตร นอกภาคการเกษตร เช่น งานหัตถกรรม งานเครื่องจักรสาน งานเฟอร์นิเจอร์ และภาคบริการ ดังนั้น 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการเกษตร และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จับมือกันลงนามจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการให้แก่วิสาหกิจชุมชน เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 มีเป้าหมายร่วมกันที่จะพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการให้แก่วิสาหกิจชุมชน ทั้งในส่วน การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการและการจัดทำบัญชี เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านกลยุทธ์การบริหารจัดการธุรกิจ การตลาด และการสร้างแบรนด์ เป็นต้น

ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานได้ร่วมกันคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนเป้าหมายที่มีความพร้อมด้านบุคลากรที่จะเข้ารับการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อนำไปปฏิบัติ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พื้นฐานที่จะใช้ในการทำระบบบัญชี รวม 6 วิสาหกิจชุมชน ได้แก่ 1) วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี 2) วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน 3) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าว อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ 4) วิสาหกิจชุมชนเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 5) วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะกก อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และ 6) วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กาแฟ อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง

โดยแบ่งภารกิจในการทำงาน คือ 1) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชี การใช้งานโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป การบริหารจัดการธุรกิจ และทักษะที่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า ขยายช่องทางการตลาด และส่งเสริมศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน 2) กรมส่งเสริมการเกษตร ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้วิสาหกิจชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการวางระบบบัญชีและการใช้เทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการธุรกิจ และ 3) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้คำปรึกษาและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในการวางแผนการตลาด และการสร้างแบรนด์ เพื่อเพิ่มยอดขาย เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น สร้างการยอมรับและเพิ่มมูลค่าสินค้า

สำหรับแผนการทำงานในปี 2568 ทั้ง 3 หน่วยงานได้กำหนดที่จะร่วมกันลงพื้นที่ตำบลบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เพื่อเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการวางระบบบัญชีที่ได้ร่วมกันสนับสนุนและลงพื้นที่ครั้งแรกไปเมื่อปี 2566 โดยการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ จะเน้นการให้ความรู้วิสาหกิจชุมชนด้านการตลาดออนไลน์ การสร้างเรื่องราวและแบรนด์ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการธุรกิจ

โดยมีนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดจน ทีมงานร่วมกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แก่สมาชิกวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของตนเอง เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกวิสาหกิจชุมชนได้ซักถามและแลกเปลี่ยนความรู้แบบมีส่วนร่วม

ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะ หน่วยงานหลักที่กำกับดูแลวิสาหกิจชุมชน จะได้รับฟังความคิดเห็นและความต้องการที่แท้จริงจากสมาชิก เพื่อนำไปใช้ออกแบบนโยบายการส่งเสริมพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของวิสาหกิจชุมชนได้อย่างตรงจุด
สำหรับ วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ ปัจจุบันมี สมาชิกอยู่จำนวน 34 ราย จำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอินทรีย์ เช่น ลำไยอบแห้งทั้งเปลือก ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง มะม่วง Freeze Drying โดยมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในปีล่าสุดประมาณ 10 ล้านบาท และมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

อธิบดีฯอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ หวังว่า โครงการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการให้แก่วิสาหกิจชุมชน จะช่วยให้วิสาหกิจชุมชนมีระบบการบริหารจัดการงานหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ เช่น มีระบบการจัดทำบัญชีผ่าน Cloud accounting ขณะเดียวกันวิสาหกิจชุมชนก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยการสร้างเรื่องราวและแบรนด์ของตนเองให้โดดเด่น ตอบโจทย์และความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ นำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กับหน่วยงานพันธมิตร พร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะขยายผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้ไปยังวิสาหกิจชุมชนรายอื่น รวมถึงผู้ประกอบการและสถาบันการศึกษาในพื้นที่ต่อไป สิ่งสำคัญคือ วิสาหกิจชุมชนจะดำเนินธุรกิจและเติบโตได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการบริหารจัดการและทำบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสำคัญในการดำเนินธุรกิจ.
#SuperDBD #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์