ทรินาโซลาร์ เปิดตัวนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์สุดล้ำในไทย
เดฟ หวัง หัวหน้าอนุภูมิภาคประจำเอเชียแปซิฟิกของทรินาโซลาร์ เผยว่า “ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วจากบริษัทชั้นนำอย่างทรินาโซลาร์ ได้ช่วยลดต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมากตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรม ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ ชุดปรับมุมเอียงตามแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน ทำให้ทรินาโซลาร์ มีความพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการปลดล็อกศักยภาพและบรรลุเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์”
ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์รุ่น Vertex N ที่การันตีด้วยรางวัลชั้นนำ ได้ผสานสุดยอดเทคโนโลยี 2 ด้านเข้าด้วยกัน ได้แก่ เทคโนโลยี n-type i-TOPCon และเทคโนโลยีแผ่นเวเฟอร์ขนาด 210 มม. จนให้กำลังการผลิตที่สร้างสถิติโลก (740.6 วัตต์ ในห้องปฏิบัติการ) และให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ทั้งนี้ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ที่ครบวงจรอย่างทรินาโซลาร์ ได้เข้ามายกระดับอุตสาหกรรมให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยแผงโซลาร์กำลังสูงที่ทำงานได้อย่างลงตัวกับชุดปรับมุมเอียงตามแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน จนได้เป็นโซลูชันที่ทำงานได้อย่างเสถียรที่สุด นอกจากนี้ การจัดหาอุปกรณ์ทั้งหมดจากแหล่งเดียวยังสะดวกต่อการขนส่งและการให้บริการหลังการติดตั้งระบบด้วย
เดฟ หวัง ยังกล่าวด้วยว่า ทรินาโซลาร์ จะให้ความสำคัญกับโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำและระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อสนับสนุนโครงการของรัฐบาลไทยในการผลักดันการใช้พลังงานทดแทนในกิจการพลังงานไฟฟ้า
ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำกำลังได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะใช้พื้นที่ว่างที่มีอยู่มากมายและอาศัยคุณสมบัติความเย็นตามธรรมชาติของน้ำ
โดยในประเทศไทยนั้น ทรินาโซลาร์ ได้ดำเนินการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำขนาด 24 เมกะวัตต์ ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้เริ่มใช้งานมาตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 โครงการนี้คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 41,000 ตัน และผลิตไฟฟ้าได้ 46 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี รองรับการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 18,000 ครัวเรือน ทั้งนี้แผงโซลาร์ตระกูล Vertex ของบริษัท ยังใช้ในโซลาร์ฟาร์มสำคัญๆ หลายแห่งทั้งในประเทศอินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์
การให้การยอมรับโซลาร์เซลล์ในวงกว้าง ตลอดจนการใช้แผงโซลาร์เซลล์และ BESS ในโครงการระดับสาธารณูปโภค ทำให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ในมิติใหม่หลายด้าน โดยการนำแบตเตอรี่มาช่วยกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินระหว่างวัน และจ่ายพลังงานเมื่อจำเป็น จะช่วยลดการพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ทำให้โครงข่ายไฟฟ้าบริหารจัดการได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถจ่ายพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันและผลิตด้วยพลังงานน้ำในช่วงกลางคืน
ขณะเดียวกัน BESS ก็จะช่วยกักเก็บการผลิตไฟฟ้าจากทั้งสองแหล่งในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ เราสามารถรวมกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ไว้ในระบบกักเก็บพลังงานได้ด้วย เช่น ที่ผลิตจากพลังงานความร้อนและพลังงานลม และเมื่อใช้งานร่วมกับเซลล์แบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) ความจุสูงอย่าง Trina Storage Cell ที่มีอายุการใช้งานถึงราว 20 ปี ก็จะทำให้โครงการพลังงานทดแทนมีต้นทุนการกักเก็บพลังงานต่อหน่วย (LCOS) ลดลง และมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยรวมแล้วแนวทางดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงการรักษาระดับโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) และปรับปรุงความยืดหยุ่นทางพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการให้บริการที่สำคัญ
ทรินาโซลาร์ จะจัดแสดงโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) ที่กรุงเทพ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมายทั้งแผงโซลาร์รุ่น Vertex N, TrinaTracker Vanguard 1P ที่ปรับปรุงใหม่ และโซลูชันการกักเก็บพลังงาน ตัวอย่างเช่น Elementa 2 ขนาด 5MWh ซึ่งมาพร้อมเซลล์ LFP ความจุ 314Ah ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทรินาโซลาร์ โดยเฉพาะ ที่ฮอลล์ 3 บูทหมายเลข R29 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 3 – 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
บริษัท ทรินาโซลาร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540 ที่เมืองฉางโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน จากนั้นในปี พ.ศ. 2565 ได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ระหว่างประเทศที่เมืองเซี่ยงไฮ้ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานระดับโลกของอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาจากกว่า 70 ประเทศและภูมิภาค เข้ามาร่วมงานกับเรามากมาย มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคทั้งในซูริก ซิลิคอนวัลเลย์ ไมอามี สิงคโปร์ และดูไบ ตลอดจนสำนักงานหรือสาขาในมาดริด เม็กซิโก ซิดนีย์ และโรม และยังมีฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมแล้วบริษัทได้ดำเนินกิจการในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก