ครม. มีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทย
ครม. มีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทยของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค คาดจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ภาคอุตสาหกรรมได้กว่าร้อยละ 1.2 ใน 5 ปี
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทยของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่ ASEAN Halal Hub ภายในปี 2571 และมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ ตามแนวทางดังกล่าว ประกอบด้วย การแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทย (ด้านฮาลาล) การจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) และให้นำเรื่องการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยและกรอบการดำเนินงานของศูนย์ฯ เสนอสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณา รวมทั้ง ให้นำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2567 – 2571) เสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ภาคอุตสาหกรรมได้กว่าร้อยละ 1.2 ใน 5 ปี พร้อมสร้างงานสร้างอาชีพ กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในทุกพื้นที่ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้อุตสาหกรรมฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนถึงปี 2567 ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด คาดว่าในปี 2567 การเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด จะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.5
โดยในส่วนของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.1 สำหรับประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) จำนวน 216,698 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารฮาลาล โดยธรรมชาติ เช่น ข้าว ธัญพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ และมีผู้ผลิตอาหารฮาลาลกว่า 15,043 ราย มีร้านอาหารฮาลาลมากกว่า 3,500 ร้าน ซึ่งยังมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนการส่งออกอาหารฮาลาลไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูงได้อีกมาก เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศบรูไน เป็นต้น
โดยประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศผู้นำเข้าอาหารฮาลาลสำคัญของโลก โดยมีมูลค่านำเข้าในปี 2565 สูงถึง 22,571 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตร้อยละ 4.2 และเป็นแหล่งกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศกลุ่มตะวันออกกลางอื่น ๆ ได้แก่ คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กาตาร์ และบาห์เรน สำหรับประเทศบรูไน เป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่มีศักยภาพและมีโอกาสสำหรับผู้ประกอบการฮาลาลไทยในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก โดยมีมูลค่านำเข้าสินค้าฮาลาลรวม 580 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราเติบโตร้อยละ 7.8
ส่วนแผนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม จะผ่าน 3 กลไกหลัก ได้แก่ 1) การจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2567-2571) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลไทยทั้งระบบ และใช้เป็นกรอบในการบูรณาการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลกับแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมแฟชั่น และการท่องเที่ยว รวมทั้ง อุตสาหกรรม soft power สาขาต่าง ๆ โดยขณะนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามลำดับต่อไป
2) การจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย เพื่อขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าว และแต่งตั้งผู้แทนการค้าไทย (ด้านฮาลาล) หรือมอบหมายผู้แทนการค้าไทยท่านใดท่านหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของศูนย์ โดยศูนย์นี้จะทำหน้าที่เป็น National Focal Point ในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ โดยมีภารกิจครอบคลุมด้านการขยายตลาดสินค้าฮาลาลไทยไปทั่วโลก และยกระดับการผลิตและมาตรฐาน เทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทย รวมทั้งบูรณาการงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาที่เกี่ยวข้องในเรื่องฮาลาล ซึ่งกระจายอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งบูรณาการงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาที่เกี่ยวข้องในเรื่องฮาลาล ซึ่งกระจายอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์ และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ) กระทรวงอุตสาหกรรม (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) กระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ หลังจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเรื่องการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยและกรอบการดำเนินงานของศูนย์ฯ เสนอสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณา โดยจะมีการประเมินผลการดำเนินงานในระยะ 1 ปีแรก เพื่อปรับบทบาทหน่วยงานตามความเหมาะสมในระยะต่อไป
3) การแต่งตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน และมีองค์ประกอบของคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาสินค้าฮาลาลโดยเชื่อมโยงเอกลักษณ์ Soft power ของไทย และส่งเสริมการผลิตสินค้าฮาลาล การจำหน่ายในประเทศ การส่งออก รวมทั้งบูรณาการมาตรการ แผนงาน และงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดทำคำของบประมาณเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวในปี 2567 จำนวน 95 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงบประมาณ โดยในระยะแรกจะเน้นการสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของสินค้าฮาลาลไทย และการขยายตลาดสินค้าฮาลาลไทยไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยการจัดทำ MoU ในตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย กรอบความร่วมมืออินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และกรอบความร่วมมือไทย-บรูไน เป็นต้น รวมทั้ง มีกำหนดจัดงาน Kick off เปิดตัวกิจกรรมต่าง ๆ ตามแผนที่วางไว้ได้ประมาณเดือนเมษายน 2567 โดยจะมีการเชิญเชฟอาหาร ที่มีชื่อเสียงรังสรรค์เมนูอาหารฮาลาลที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย พร้อมเชิญ Influencer และทูตจากนานาประเทศเข้าร่วมงาน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้อาหารฮาลาลไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล รวมทั้ง จัดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยที่มีศักยภาพพร้อมส่งออกนำเสนอโปรโมทสินค้า เพื่อเป็นการเปิดตลาดสินค้าฮาลาลไทยสู่สากล